“เชสเตอร์กริลล์-ฮอต พอท-เดอะพิซซ่า” เรียงหน้าขึ้นราคา อ้างสุดอั้นต้นทุนพุ่ง

ASTVผู้จัดการรายวัน - ธุรกิจร้านอาหารเรียงหน้าปรับขึ้นราคา ทั้งเชสเตอร์กริลล์-ฮอท พอท-เดอะพิซซ่า อ้างต้นทุนขึ้นสุดอั้นแล้ว

นายสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ ฟู้ด จำกัด ผู้บริหารร้านเชสเตอร์ กริลล์ ในเครือ ซี.พี. เปิดเผยว่า ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้ปรับราคาขายอาหารในร้านเชสเตอร์กริลล์ขึ้น 2-3% บางเมนู เช่น เมนูข้าว เพราะต้นทุนวัตถุดิบได้ทยอยปรับราคาขึ้นประมาณ 20% เช่น กลุ่มซอส และกลุ่มเครื่องปรุงต่างๆ ส่วนเมนูอื่นๆ ในร้านยังไม่ได้ปรับขึ้นราคา เพราะวัตถุดิบที่ใช้ผลิตอาหารจะสั่งซื้อจากผู้ผลิต (ซัปพลายเออร์) ล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน ซึ่งขณะนี้ยังเป็นราคาเดิมอยู่ แต่ต้องรอดูว่าซัปพลายเออร์จะขอปรับราคาสินค้าเมื่อใด

ส่วนเรื่องค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน รวมถึงเงินเดือนระดับปริญญาตรีให้แก่พนักงาน 15,000 บาท บริษัทฯ ได้ดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาในพื้นที่ 7 จังหวัด ก็ถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย

นางสกุณา บ่ายเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ฮอท พอท จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟต์แบรนด์ “ฮอท พอท” และ “ไดโดมอน”  กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ปรับราคาขายร้านอาหาร ฮอทพอท อินเตอร์ บุฟเฟต์ขึ้น ประมาณ 20 บาท เป็นราคาคนละ 319 บาทตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา จากเดิมราคา 299 บาทต่อคน รวมทั้งได้ปรับราคาขายร้านอาหารไดโดมอนขึ้นด้วย เนื่องจากวัตถุดิบปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 20-30%
 

อีกทั้งบริษัทฯ ได้ปรับค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาทตามนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่เดือนกันยายนปีก่อน จากปัจจุบันมีพนักงานรวม 2,000 คน ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนโดยรวมเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม ช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้คาดว่ารายได้จะเติบโต 20-30% จากปกติ

นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน ผู้อำนวยการตลาดไทยและต่างประเทศ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี บริษัท เดอะพิซซ่า คอมปะนี  จำกัด ผู้บริหารร้านเดอะพิซซ่า คอมปะนี ในเครือไมเนอร์กรุ๊ป เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ปรับราคาขายอาหาร 5% เพราะต้นทุนวัตถุดิบในร้านที่มีอยู่ประมาณ 1,000 รายการได้ปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องปรับราคาขาย แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายที่ยังเติบโตได้ดีประมาณ 20% และช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้จะสร้างยอดขายเติบโต 20% จากช่วงปกติ