ไออาร์พีซี รุกโครงการผลิตโพรพิลีน (DCC) 3 แสนตันต่อปี มูลค่าเฉียด 3 หมื่นล้านบาท คาด ผลิตเชิงพาณิชย์ปี 58 และเร่งเจรจาหาพาร์ทเนอร์ ร่วมทุนโครงการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกเกรดพิเศษ มั่นใจปีนี้รายได้โต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.48 แสนล้านบาท
นายอธิคม เติบศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนโครงการหน่วยกลั่น ซึ่งสามารถผลิตดีเซล โพรพิลี นและ แนฟธา (DCC) มูลค่าเงินลงทุน 800-900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2.4-2.7 หมื่นล้านบาท คาดว่า จะได้รับผู้รับเหมาก่อสร้างในไตรมาส 3 นี้ และจะแล้วเสร็จผลิตเชิงพาณิชย์ในต้นปี 2558 ทำให้บริษัทสามารถใช้กำลังการกลั่นเต็มที่ 2.15 แสนบาร์เรลต่อวันจากปัจจุบันที่ใช้กำลังการกลั่นเพียง 70% ของกำลังผลิต
โครงการดังกล่าวจะนำลองเรสซิดิวในกระบวนการกลั่นมาเพิ่มมูลค่าเพื่อผลิตโพรพิลีน 3 แสนตันต่อปี ทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตโพรพิลีนในปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 6.4 แสนตันต่อปี นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาหาพันธมิตรร่วมทุนที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี ในการลงทุนต่อยอดโครงการผลิตโพรพิลีน เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เกรดพิเศษที่ใช้โพรพิลีนเป็นวัตถุดิบ คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในกลางปีนี้
นายอธิคม กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15%จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.48 แสนล้านบาท เนื่องจากไม่มีโรงงานปิดซ่อมบำรุง รวมทั้งรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าขนาด 220 เมกะวัตต์เต็มปี และโครงการโพรพิลีน บูสเตอร์ที่มีกำลังการผลิตโพรพิลีนอีก 1 แสนตันต่อปี เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ คาดว่า จะเริ่มผลิต มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนใช้เงิน 3.9 หมื่นล้านบาท ในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยเป็นการใช้เงินเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิม 2 หมื่นกว่าล้านบาท และที่เหลือจะใช้เพื่อการลงทุนโครงการต่างๆ โดยปีนี้อาจจะไม่มีความต้องการกู้เงินระยะยาว เว้นแต่ตลาดการเงินเปิด หรืออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แต่ปีหน้ามีความต้องการใช้เงินลงทุนสูงก็อาจจะพิจารณาการกู้เงินดังกล่าว
นายอธิคม เติบศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนโครงการหน่วยกลั่น ซึ่งสามารถผลิตดีเซล โพรพิลี นและ แนฟธา (DCC) มูลค่าเงินลงทุน 800-900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2.4-2.7 หมื่นล้านบาท คาดว่า จะได้รับผู้รับเหมาก่อสร้างในไตรมาส 3 นี้ และจะแล้วเสร็จผลิตเชิงพาณิชย์ในต้นปี 2558 ทำให้บริษัทสามารถใช้กำลังการกลั่นเต็มที่ 2.15 แสนบาร์เรลต่อวันจากปัจจุบันที่ใช้กำลังการกลั่นเพียง 70% ของกำลังผลิต
โครงการดังกล่าวจะนำลองเรสซิดิวในกระบวนการกลั่นมาเพิ่มมูลค่าเพื่อผลิตโพรพิลีน 3 แสนตันต่อปี ทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตโพรพิลีนในปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 6.4 แสนตันต่อปี นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาหาพันธมิตรร่วมทุนที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี ในการลงทุนต่อยอดโครงการผลิตโพรพิลีน เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เกรดพิเศษที่ใช้โพรพิลีนเป็นวัตถุดิบ คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในกลางปีนี้
นายอธิคม กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15%จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.48 แสนล้านบาท เนื่องจากไม่มีโรงงานปิดซ่อมบำรุง รวมทั้งรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าขนาด 220 เมกะวัตต์เต็มปี และโครงการโพรพิลีน บูสเตอร์ที่มีกำลังการผลิตโพรพิลีนอีก 1 แสนตันต่อปี เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ คาดว่า จะเริ่มผลิต มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนใช้เงิน 3.9 หมื่นล้านบาท ในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยเป็นการใช้เงินเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิม 2 หมื่นกว่าล้านบาท และที่เหลือจะใช้เพื่อการลงทุนโครงการต่างๆ โดยปีนี้อาจจะไม่มีความต้องการกู้เงินระยะยาว เว้นแต่ตลาดการเงินเปิด หรืออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แต่ปีหน้ามีความต้องการใช้เงินลงทุนสูงก็อาจจะพิจารณาการกู้เงินดังกล่าว