ASTVผู้จัดการรายวัน - ศุภาลัย ขอประเมินสถานการณ์ “คาร์บอมบ์” ห้างดังกลางเมืองหาดใหญ่ ระบุ หากไม่เกิดเหตุซ้ำอีก คงส่งผลกระทบระยะสั้น แต่หากยืดเยื้อเชื่อมโยง 3 จังหวัดใต้ ต้องทบทวนแผนลงทุนใหม่
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หาดใหญ่ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้อีกเมืองหนึ่ง โดยเฉพาะการเป็นเมืองที่รองรับประชาชนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ย้ายเข้ามาอยู่อาศัย ทั้งเป็นบ้านหลังที่สอง และย้ายเข้ามาอยู่ถาวร เพื่อหลบหนีอันตรายจากการก่อการร้ายในจังหวัดของตนเอง รวมไปถึงการเป็นเมืองท่องเที่ยวโดยมีนักท่องเที่ยวทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติโดยเฉพาะมาเลเชีย
ทั้งนี้ เหตุก่อการร้ายที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม จะต้องรอดูสถานการณ์หลังจากนี้ ว่า จะมีเหตุก่อการร้ายแรงเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกหรือไม่ หากไม่มี ก็เชื่อว่าเหตุการณ์ล่าสุดจะเกิดผลกระทบขึ้นระยะสั้นเท่านั้น เพราะเมื่อหลายปีที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานสถานการณ์ก็กลับสู่ภาวะปกติ
แต่อย่างไรก็ตาม หากการก่อการร้ายเกิดขึ้นต่อเนื่อง หรือรุกลามมาถึงสงขลาก็จะส่งผลกระทบในทุกภาคส่วน ซึ่งบริษัทเองจะต้องทบทวนแผนการลงทุนในสงขลาใหม่ทั้งหมด ซึ่งปัจจุบัน บริษัท หาดใหญ่นครินทร์ จำกัด บริษัทในเครือของศุภาลัย รับผิดชอบในการลงทุนพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม โรงแรมและห้างสรรพสินค้า
“โชคดีที่คอนโดฯที่หาดใหญ่เราขายหมดแล้วเหลือแค่งานก่อสร้างห้างสรรพสินค้าที่ต้องใช้เวลาอีก 1-2 ปี จึงจะแล้วเสร็จ เมื่อถึงตอนนั้นก็เชื่อว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ"นายอธิปกล่าว
ทั้งนี้ บริษัท หาดใหญ่นครินทร์ฯ มีการลงทุนและพัฒนาโครงการจนถึงปัจจุบันรวม 11 โครงการ จำนวน 2,358 หน่วย มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 5,323 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 3 โครงการ ได้แก่ ซิตี้โฮม หาดใหญ่, อาเซียน คอนโดมิเนียม 1, 2 โดยปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่โครงการบ้านจัดสรร 8 โครงการ ได้แก่ ชวนชื่นนครินทร์, ปาล์ม สปริง 1, ปาล์ม สปริง 2, ปาล์ม สปริง วิลล์ สายเอเชีย-สี่แยกคลองหวะ, ปาล์ม สปริง วิลล์ สายเอเชีย–สี่แยกสนามบิน, ปาล์ม สปริง สายสนามบิน, ปาล์ม สปริง แกรนด์ วิลล์ สี่แยกสนามบินใน และปาล์ม สปริง 7 สายสนามบิน โดยในปี 2554 สามารถทำยอดขายได้ 800 กว่าล้านบาท และคาดว่าปี 2555 จะสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท
