บุกจับคลินิกเสริมความงามเถื่อนลงโฆษณาลวงเหยื่อผ่านอินเทอร์เน็ต อ้างทำสวยราคาถูกแถมได้สิทธิคัดเลือกเป็นดารา พบใช้สารเร่งผิวขาวสุดอันตรายชนิดเดียวกันกับที่ฉีดให้ราชาเพลงป๊อป ไมเคิล แจ๊กสัน
วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พ.ต.อ.สุพัช พึ่งพวง ผกก.ดส.บช.น.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนและบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เข้าจับกุมคลินิกเสริมความงามเถื่อนห้องที่ 98/197 ชั้น 9 อาคารศุภาลัย ถ.กรุงเทพ-นนทบุรี ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังสืบทราบว่า คลินิกดังกล่าวได้โฆษณาทางอินเตอร์เน็ตว่าสามารถเสริมความงามให้กับหญิงสาวในราคาถูกและเห็นผลทันทีพร้อมได้รับสิทธิพิเศษคัดเลือกเป็นดารานางแบบกับโมเดลลิ่งชื่อดังอีกด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการส่งหญิงสาวเข้าติดต่อใช้บริการคลินิคดังกล่าวโดยตกลงกันว่า จะทำการฉีดหน้าเด้งโบท็อกซ์และฉีดวิตามินซีในราคาเข็มละ 1000 บาท ซึ่งมี น.ส.วิริยะพร หีตหมื่น อายุ 33 ปี เจ้าของห้องเป็นผู้ฉีดยาให้บริการกับสายจนแน่ชัด จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัว จากการการตรวจสอบภายในห้องพบสารที่ใช้ในการเสริมความงามที่ไม่ผ่านมาตรฐาน อย.จำนวนมาก และสารกลูตาไธโอนชนิดเดียวกันกับที่ฉีดให้กับราชาเพลงป๊อป ไมเคิล แจ๊กสัน จนเสียชีวิต จึงควบคุมตัว นางสาววิริยะพร พร้อมแจ้งข้อหาดำเนินสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ก่อนนำตัวส่ง สภ.เมืองนนทบุรี
จากการสอบสวน นางสาววิริยะพร ให้การว่า ตนเองมีอาชีพเป็นนางพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทำให้พอมีความรู้ในการฉีดยาอยู่บ้าง จึงได้แอบเปิดห้องพักตัวเองให้บริการเสริมความงามกับลูกค้าโดยซื้อสารเสริมความงามทั้งหมดต่อมาจากเพื่อนที่ชื่อนายต้น ซึ่งพักอยู่ย่านสุขุมวิท และตนเองก็ไม่รู้ว่ายาทั้งหมดที่ซื้อต่อมาฉีดให้กับลูกค้านั้นไม่ได้คุณภาพไม่ผ่านมาตรฐาน อย.ส่วนเรื่องที่ตนเองโฆษณาว่าหากลูกค้ามาใช้บริการกับตนสามารถผลักดันให้เข้าวงการดารานางแบบได้นั้นเป็นแค่การติดต่อให้ดูตัวเท่านั้นและเพิ่งเปิดบริการได้เพียง 4 เดือนก่อนจะถูกจับกุม
ด้าน พ.ต.อ.สุพัช ผกก.กล่าวว่า เบื้องต้นได้เร่งให้มีการตรวจสอบว่าผู้ต้องหาไปรับซื้อยามาจากเพื่อนอีกต่อหนึ่งก่อนจะมาฉีดให้กับลูกค้านั้น น่าจะมีผู้ร่วมขบวนการในการลักลอบนำสารเสริมความงามที่ไม่ได้มาตรฐานมาจากต่างประเทศ ซึ่งตัวยาบางตัวมีผลข้างเคียงต่อร่างกายสูงและห้ามนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าทำมาแค่ 4 เดือน ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริงเนื่องจากตรวจพบสมุดจดรายรับรายจ่ายในการใช้บริการแต่ละครั้งตั่งแต่ปี 54 เป็นต้นมา