xs
xsm
sm
md
lg

ตร.มั่นใจจะได้เบาะแสคนร้ายปล้นบ้านนักธุรกิจเสื้อผ้าเร็วๆนี้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นางนนทิวรรณ มุขกระโทก เจ้าของบ้าน
ตำรวจมั่นใจ จะได้เบาะแสกลุ่มคนร้ายบุกเข้าปล้นบ้านนักธรกิจส่งออกเสื้อผ้าได้ในไม่ช้า เชื่อสาวใช้ชาวลาว ยังไม่มีความเกี่ยงข้องกับเหตุการณ์ปล้นครั้งนี้ เผยรถตู้คนร้ายขับเข้ามาวนเวียนดูลาดเลาถึง 2 ครั้ง ก่อนจะลงมือปล้นในอีก 2 วันถัดมา

วันนี้(30 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00น. พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายปล้นบ้านนางนนทิวรรณ มุขกระโทก อายุ 34 ปี อาชีพทำธุรกิจเสื้อผ้า เลขที่ 1/49-50 หมู่บ้านศุภาลัย ถนนสุขาภิบาล 5 ซอย 71 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. ก่อนกวาดทรัพย์สินไปกว่า 1.5 ล้านบาท เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมาว่า ได้มอบหมายให้ กก.สส.บช.น. ฝ่ายสืบสวน บก.น.2 และฝ่ายสืบสวนสน.สายไหม แบ่งงานลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว ทั้งในส่วนของการตรวจสอบทะเบียนรถตู้คันที่คนร้ายขับมาก่อเหตุ โดยจากการตรวจสอบทะเบียนที่เห็นจากกล้องวงจรปิดพบว่า ติดทะเบียนปลอม ซึ่งเป็นรถตู้ใน กทม.เหมือนกัน แต่คนละสี ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านที่มีจุดน่าสงสัยในการปล่อยรถตู้เข้ามาก่อเหตุได้เรียก รปภ. หมู่บ้านทั้งกะกลางวันและกลางคืนมาสอบสวน เรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ว่ามีความบกพร่องในส่วนใดหรือมีผู้เกี่ยวข้องในคดีหรือไม่ เนื่องจากมี รปภ.หมู่บ้านคนหนึ่งที่คบหา น.ส.มาย วรรณเสน แม่บ้านชาวลาว จนสามารถเข้านอกออกในบ้านได้ อีกทั้งยังเคยมาอาศัยอยู่ด้วยกันในช่วงน้ำท่วม จนรู้ความเคลื่อนไหวคนในบ้านเป็นอย่างดี แต่จากการสอบสวนเบื้องต้น รปภ.คนดังกล่าวปฏิเสธว่า ในช่วงที่เกิดเหตุ นอนอยู่บ้านกับภรรยา อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยรายงานความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดโดยตลอด คาดว่าจะได้เบาะแสคนร้ายในไม่ช้า

ด้าน พ.ต.ท.ดลชัย ปิ่นปัก สว.สส.สน.สายไหม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเลขทะเบียนรถตู้ที่กล้องวงจรปิดหน้าหมู่บ้านศุภาลัย พบว่าเป็นเลขทะเบียนที่เป็นของรถตู้ที่มีผู้แจ้งหายเอาไว้ ซึ่งคนร้ายได้นำทะเบียนมาติดรถตู้ที่ใช้ในการก่อเหตุแทน โดยจากการสอบสวนนางสาวมาย วรรณเสน อายุ 21 ปี แม่บ้านชาวลาว ไม่มีความเชื่อมโยงกับการปล้นในครั้งนี้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบตัวคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นแน่ชัด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหาหลักฐานในคดีเพิ่มเติม

มีรายงานว่า จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้านพบว่ารถตู้คันที่คนร้ายขับมาลงมือก่อเหตุปล้นนั้น ได้ขับเข้ามาวนเวียนดูลาดเลาบ้านที่ลงมือก่อเหตุก่อนหน้านี้ 2 วันถึง 2 ครั้ง แต่ไม่พบว่ารปภ. ตรวจสอบ หรือมีการแลกบัตรเข้าออกหมู่บ้านซึ่งเป็นจุดที่น่าสงสัย ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด ประกอบกับรอผลการตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐานในการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง และร่องรอยคนร้ายที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุที่จะทราบผลภายใน 7 วัน เชื่อว่าจะสามารถระบุตัวกลุ่มคนร้ายได้ว่าเป็นกลุ่มใด

อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนนนทิวรรณ มุขกระโทก เจ้าของบ้าน ระบุว่ามีบุคคลที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อเหตุเพียง 2 กลุ่มซึ่งสามารถเข้านอกออกในบ้านจนรู้ความเคลื่อนไหว คือ รปภ. ที่คบหากับแม่บ้านชาวลาว และกลุ่มคนสวนที่มาติดตั้งสปริงเกอร์ ส่วนกลุ่มอื่นยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากับใครเพราะธุรกิจเสื้อผ้าที่ทำไม่ได้ใหญ่โต ส่วนการตรวจสอบทะเบียนปลอมรถตู้นั้น พบเจ้าของรถทะเบียนดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างการเรียกตัวมาสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม
กำลังโหลดความคิดเห็น