ASTVผู้จัดการรายวัน - เอสซีจี เทรดดิ้ง ลุ้นโต 30% ฟันยอดขายปีนี้ 6 หมื่นล้านบาท ชี้ ธุรกิจถ่านหินเติบโตสูงหลังได้รับอานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง จ่อลงทุนสร้างคลังเก็บเพิ่มเติมในต่างประเทศ พร้อมกับเปิดร้านขายส่งวัสดุก่อสร้าง SCG Authorized Dealer ที่พม่าเป็นแห่งแรก ตั้งเป้า 5 ปี เปิด 100 ร้าน ในประเทศเพื่อนบ้าน
นายกลินท์ สารสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เทรดดิ้ง จำกัด ในเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ 6 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 30% จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 4.6 หมื่นล้านบาท โดยเน้นขยายธุรกิจใน 3 กลุ่มสินค้าหลัก คือ สินค้าพลังงาน รีไซเคิล และวัสดุก่อสร้าง โดยมุ่งเน้นการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคมควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ธุรกิจสินค้าพลังงานมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจถ่านหิน นับตั้งแต่การจัดหาแหล่งถ่านหิน จัดซื้อกองเก็บ คัดแยก และขนส่งให้ลูกค้า โดยมีโรงงานคัดแยกขนาดถ่านหิน และโกดังเก็บแบบปิดเพื่อดูแลด้านสิ่งแวดล้อม (Coal HUB) ที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยแต่ละปีมีการนำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซีย เพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศประมาณ 4 ล้านตัน ปีนี้คาดว่า ปริมาณการขายถ่านหินเพิ่มขึ้น 30-40% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ลูกค้าหันมาใช้ถ่านหินมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จำหน่ายให้ลูกค้าในไทย 3 ล้านตัน ที่เหลือจำหน่ายในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทมี Coal Hub เพื่อกระจายสินค้าอยู่ที่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และ กัมพูชา ล่าสุด เตรียมขยายเพิ่มที่จีน อินเดีย และเวียดนาม เพิ่มเติม โดยจะลงทุนเป็นคลังกองเก็บถ่านหินก่อนที่จะตั้งโรงงานคัดแยกขนาดภายหลัง
“ในช่วงน้ำท่วมปลายปีที่แล้ว คลังเก็บถ่านหินที่นครหลวงก็ประสบปัญหาน้ำท่วมเช่นกัน แต่เสียหายไม่มาก เนื่องจากมีการบริหารจัดการที่ดี โดยมีการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ฝุ่นต่างๆ นับตั้งแต่การขนถ่ายถ่านหินจากเรือไปจนถึงการนำถ่านหินส่งถึงมือลูกค้าโดยมีการใช้ผ้าคลุมไว้ โดยยอมรับว่าที่นครหลวงมีการสร้างคลังเก็บถ่านหินเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 บริษัทภายหลังจากมีคำสั่งห้ามตั้งคลังเก็บถ่านหินที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร จึงอยากให้บริษัทอื่นๆ ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการต่อต้านจากชุมชนในพื้นที่”
นายกลินท์ กล่าวว่า ส่วนธุรกิจวัสดุก่อสร้าง บริษัทโฟกัสตลาดที่พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างค่อนข้างสูง ขณะที่ชื่อเสียงเอสซีจีได้รับความเชื่อถือ ล่าสุดได้ร่วมมือกับลูกค้าท้องถิ่น เปิดร้านSCG Authorized Dealer ที่พม่านับเป็นการขยายสาขาไปต่างประเทศเป็นครั้งแรก หากร้านดังกล่าวประสบความสำเร็จก็จะมีการเปิดสาขาเพิ่มเติมในพม่า และอีกหลายแห่งในต่างประเทศ โดยปีนี้คาดว่าจะเปิดได้ 20 สาขา และในอีก 5 ปีข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น 100 สาขา
ทั้งนี้ ร้าน SCG Authorized Dealer จะต่างจากร้านโฮมมาร์ท ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างตรงที่เป็นร้านขายส่งสินค้า โดยสินค้าที่โชว์ในร้านไม่จำกัดเฉพาะสินค้าของ SCG เท่านั้น แต่มีบางแบรนด์สินค้าที่บริษัทจ้างผลิตจากโรงงานอื่นในต่างประเทศ อาทิ สุขภัณฑ์ยี่ห้อFiona ที่ผลิตจากจีน เป็นต้น
ส่วนธุรกิจรีไซเคิล มีการนำเข้ายางล้อรถมาสับเป็นชิ้นเล็กเพื่อจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิงในโรงปูนซีเมนต์ รวมทั้งรับซื้อขวดพลาสติกPETมาอัดเป็นแผ่นแล้วส่งออกขายไปจีน เป็นต้น โดยโครงสร้างรายได้เอสซีจี เทรดดิ้ง มาจากธุรกิจถ่านหิน 20% รีไซเคิล 20-25% วัสดุก่อสร้าง 30% ที่เหลือเป็นการซัปพลายให้กับลูก
นายกลินท์ สารสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เทรดดิ้ง จำกัด ในเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ 6 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 30% จากปีก่อนที่มียอดขายรวม 4.6 หมื่นล้านบาท โดยเน้นขยายธุรกิจใน 3 กลุ่มสินค้าหลัก คือ สินค้าพลังงาน รีไซเคิล และวัสดุก่อสร้าง โดยมุ่งเน้นการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคมควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ธุรกิจสินค้าพลังงานมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจถ่านหิน นับตั้งแต่การจัดหาแหล่งถ่านหิน จัดซื้อกองเก็บ คัดแยก และขนส่งให้ลูกค้า โดยมีโรงงานคัดแยกขนาดถ่านหิน และโกดังเก็บแบบปิดเพื่อดูแลด้านสิ่งแวดล้อม (Coal HUB) ที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยแต่ละปีมีการนำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซีย เพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศประมาณ 4 ล้านตัน ปีนี้คาดว่า ปริมาณการขายถ่านหินเพิ่มขึ้น 30-40% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ลูกค้าหันมาใช้ถ่านหินมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จำหน่ายให้ลูกค้าในไทย 3 ล้านตัน ที่เหลือจำหน่ายในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทมี Coal Hub เพื่อกระจายสินค้าอยู่ที่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และ กัมพูชา ล่าสุด เตรียมขยายเพิ่มที่จีน อินเดีย และเวียดนาม เพิ่มเติม โดยจะลงทุนเป็นคลังกองเก็บถ่านหินก่อนที่จะตั้งโรงงานคัดแยกขนาดภายหลัง
“ในช่วงน้ำท่วมปลายปีที่แล้ว คลังเก็บถ่านหินที่นครหลวงก็ประสบปัญหาน้ำท่วมเช่นกัน แต่เสียหายไม่มาก เนื่องจากมีการบริหารจัดการที่ดี โดยมีการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ฝุ่นต่างๆ นับตั้งแต่การขนถ่ายถ่านหินจากเรือไปจนถึงการนำถ่านหินส่งถึงมือลูกค้าโดยมีการใช้ผ้าคลุมไว้ โดยยอมรับว่าที่นครหลวงมีการสร้างคลังเก็บถ่านหินเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 บริษัทภายหลังจากมีคำสั่งห้ามตั้งคลังเก็บถ่านหินที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร จึงอยากให้บริษัทอื่นๆ ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการต่อต้านจากชุมชนในพื้นที่”
นายกลินท์ กล่าวว่า ส่วนธุรกิจวัสดุก่อสร้าง บริษัทโฟกัสตลาดที่พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างค่อนข้างสูง ขณะที่ชื่อเสียงเอสซีจีได้รับความเชื่อถือ ล่าสุดได้ร่วมมือกับลูกค้าท้องถิ่น เปิดร้านSCG Authorized Dealer ที่พม่านับเป็นการขยายสาขาไปต่างประเทศเป็นครั้งแรก หากร้านดังกล่าวประสบความสำเร็จก็จะมีการเปิดสาขาเพิ่มเติมในพม่า และอีกหลายแห่งในต่างประเทศ โดยปีนี้คาดว่าจะเปิดได้ 20 สาขา และในอีก 5 ปีข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น 100 สาขา
ทั้งนี้ ร้าน SCG Authorized Dealer จะต่างจากร้านโฮมมาร์ท ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างตรงที่เป็นร้านขายส่งสินค้า โดยสินค้าที่โชว์ในร้านไม่จำกัดเฉพาะสินค้าของ SCG เท่านั้น แต่มีบางแบรนด์สินค้าที่บริษัทจ้างผลิตจากโรงงานอื่นในต่างประเทศ อาทิ สุขภัณฑ์ยี่ห้อFiona ที่ผลิตจากจีน เป็นต้น
ส่วนธุรกิจรีไซเคิล มีการนำเข้ายางล้อรถมาสับเป็นชิ้นเล็กเพื่อจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิงในโรงปูนซีเมนต์ รวมทั้งรับซื้อขวดพลาสติกPETมาอัดเป็นแผ่นแล้วส่งออกขายไปจีน เป็นต้น โดยโครงสร้างรายได้เอสซีจี เทรดดิ้ง มาจากธุรกิจถ่านหิน 20% รีไซเคิล 20-25% วัสดุก่อสร้าง 30% ที่เหลือเป็นการซัปพลายให้กับลูก
