“เบญจา” เตรียมเสนอ “กิตติรัตน์-ครม.” เคาะขึ้นภาษีสรรพสามิต “ดีเซล-เบนซิน” ลิตรละ 1 บาท หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง เพื่อไม่ให้ตลาดบิดเบือน ยันเป้าหมายอยู่ที่ ลิตรละ 5 บาท แต่จะทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันได เพื่อไม่ให้กระทบความรู้สึก ปชช.ยอมรับ ถ้าปรับขึ้นพรวดเดียว อาจช็อกตลาดได้ คาดมีรายได้เข้ารัฐเพิ่มเดือนละ 1.5 พันล้าน
นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยความคืบหน้าการจัดเก็บรายได้เพิ่มเข้ารัฐ โดยยอมรับว่า ตนเองมีแผนจะเข้าจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล หลังจากที่หยุดการจัดเก็บมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2554 และจะสิ้นสุดระยะเวลาการจัดเก็บ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 นี้ โดยจะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ
ทั้งนี้ หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และที่ประชุม ครม.เห็นชอบ ก็จะเริ่มจัดเก็บได้ในเดือนมีนาคม 2555 นี้ และเพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภคมากนัก อัตราการจัดเก็บจะเป็นไปในลักษณะขั้นบันได กล่าวคือ ระยะแรกจะจัดเก็บที่ 1 บาทต่อลิตร และทยอยเพิ่มขึ้นครบในอัตรา 5 บาทต่อลิตร ภายในปีงบประมาณนี้
“เราคงไม่ปรับขึ้นทีเดียวลิตรละ 5 บาท เพราะต้องดูผลกระทบต่อผู้บริโภคด้วย ถ้าขึ้นทีเดียวจะช็อกตลาดได้ แต่จะใช้วิธีค่อยๆ ปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป และกำลังดูว่า ลิตรละ 1 บาทพอไหวไหม ซึ่งถ้าราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลง เราก็จะปรับขึ้นอีก”
สำหรับสาเหตุที่กรมฯจะเสนอให้เข้าจัดเก็บภาษีดังกล่าว เพราะเห็นว่า ขณะนี้ ราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกเริ่มปรับลดลง และ มีทิศทางที่จะปรับลดลงอีก หลังจากประเทศในแถบยุโรปเข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง
นอกจากนี้ การจัดเก็บภาษีน้ำมันดีเซล ก็เพื่อให้ไม่ให้ราคามีการบิดเบือน ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตจะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้พิจารณาประเด็นดังกล่าว โดยอย่างเร็วที่สุด น่าจะเป็นภายในสัปดาห์นี้
“ความจริงได้เรียนท่านรัฐมนตรีคลังไปบ้างแล้ว และเราจะเสนอเข้าไปเป็นแพกเกจเลย ท่านก็เข้าใจ แต่บางตัวท่านก็บอกว่า เอาไว้ก่อน”
ทั้งนี้ หากกรมสรรพสามิตสามารถเข้าไปเก็บภาษีน้ำมันดีเซลได้ กรมสรรพสามิตก็จะมีรายได้กลับเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยอัตราภาษี 1 บาท ที่มีการจัดเก็บ จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาเดือนละ 1,500 บาท