xs
xsm
sm
md
lg

เซ็นทรัลกรุ๊ปทุ่ม 3 หมื่นล.ลุยธุรกิจปี 55 จี้รัฐลดภาษี-เข้มรับมือภัยพิบัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “กลุ่มเซ็นทรัล” คาด เศรษฐกิจรวมปีนี้น่าสดใส เตรียมทุ่มงบ 30,000 ล้านบาท ลุยเต็มสูบทั้งในและต่างประเทศ มั่นใจรับมือเออีซีอยู่หมัด แต่กลัวเสียเปรียบต่างชาติเรื่องสินค้ามากกว่า จี้ รัฐส่งเสริมท่องเที่ยวและลดภาษีนำเข้าสินค้า มั่นใจปีนี้ดันรายได้ทะลุ 188,000 ล้านบาท เติบโต 355 หลังปีที่แล้วสูญโอกาสสร้างรายได้ 8,000 ล้านบาท จากน้ำท่วมใหญ่ แต่ก็ยังโต 17%

นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า ทางกลุ่มเซ็นทรัล ประเมินว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่แล้ว จากที่มีการคาดการณ์จีดีพีของไทยปี้นี้จะโต 4-5% แต่ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ คงจะเป็นการเยียวยาและฟื้นฟูหลังจากที่ประสบปัญหาน้ำท่วมหนักกปีที่แล้ว อีกทั้งการรลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะทำให้เกิดการจ้างงานและมีกำลังซื้อในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น

***ชี้เปิดเออีซีเรื่องจิ๊บจ๊อย
ขณะที่การเตรียมตัวเพื่อรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558 นั้น กลุ่มเซ็นทรัลมีความมั่นใจว่าจะรับมือกับการแข่งขันได้ เพราะเราวางรากฐานมาอย่างดี เงินทุนก็มีพร้อม ประสบการณ์ก็มีและเทคโนโลยีเราก็มีการพัฒนาตลอดเวลา ซึ่งจริงๆ แล้วเราไม่ได้แค่รองรับเออีซีเท่านั้น แต่เรายังรองรับการบุกตลาดโลกด้วย

“ธุรกิจค้าปลีกในไทยจริงๆ แล้วเปิดเสรีกันมานานแล้ว เปิดเต็มที่ด้วย ต่างชาติเข้ามาจำนวนมากแล้วก็หายไป ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นที่เป็นรายใหญ่ตั้งแต่ยุคไทยไดมารูมาแล้ว แต่เรปรับตัวต่อสู้และอยู่ของเรามาได้ตลอด เราไม่กลัวเออีซี” นายสุทธิธรรม กล่าว

**จี้รัฐลดภาษีนำเข้าสำคัญกว่า
แต่สิ่งสำคัญที่น่าเป็นห่วง ก็คือ ความเสียเปรียบด้านการชอปปิ้ง และภาษีนำเข้าสินค้ามากกว่า ซึ่งต้องการให้ภาครัฐบาลส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะไทยเรามีความพร้อม ทั้งในด้านของสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และบริการ อีกประเด็นคือ ต้องการให้ภาครัฐหันมาให้ความสำคัญในเรื่องของการชอปปิ้งควบคู่กันไปด้วย เพราะการท่องเที่ยวจะคู่กับชอปปิ้ง ด้วยการปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ต่างชาติเข้ามาซื้อสินค้าในประเทศไทยมากขึ้นด้วย

“แม้ว่าธุรกิจค้าปลีกของเราจะดีแค่ไหน แต่ว่ายังมีกำแพงภาษีนำเข้าสูงก็เสียเปรียบต่างชาติอยู่ดี ไม่ว่าประเทศเจริญหรือใหญ่แค่ไหนเขาก็ต้องมีสินคานำเข้าจากต่างประเทศมาขายเหมือนกัน”

***ทุ่ม 3 หมื่นล้านบาทลุยปี 55
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มเซ็นทรัลยังคงมีแผนงานรุกธุรกิจต่อเนื่อง โดยในปี 2555 นี้ ตั้งงบประมาณการลงทุนโดยรวม 30,000 ล้านบาท ทั้งในและต่างประเทศ โดยจะเน้นหนักไปที่ 2 กลุ่มหลักกว่า 70% คือ ซีอาร์ซี หรือกลุ่มค้าปลีก และซีพีเอ็น หรือกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ส่วนที่เหลือ 30% เป็นอีก 3 กลุ่มรวมกัน คือ ซีเอ็มจี หรือธุรกิจค้าส่ง ซีเอชอาร์ หรือกลุ่มโรงแรม และซีอาร์จีกลุ่มธุรกิจอาหาร ซึ่งจะเป็นเงินหมุนเวียน 20,000 ล้านบาท และมาจากเงินกู้อีก 10,000 ล้านบาท

ในเบื้องต้นนี้จะยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจแบบการควบรวมกิจการต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังจากที่ปีที่แล้วได้เข้าซื้อกิจการไป 2 โครงการ คือ การทุ่มงบประมาณ 11,000 ล้านบาท ซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าลารีนาเซนเต้ที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี และการซื้อกิจการร้านอาหารญี่ปุ่นโอโตยะ มูลค่ากว่า 720 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้รายได้รวมเติบโตอย่างมาก

แผนลงทุนคร่าวๆ ของทั้งกลุ่มปีนี้ เช่น เปิดห้างโรบินสันอีก 5 สาขา เช่น ที่ สุพรรณบุรี บางแค เมกะบางนา สุราษฎร์ธานี ลำปาง การขยายสาขาของท็อปส์ และสเปเชียลตี้สโตร์ทั้งหลายเช่น เพาเวอร์บาย บีทูเอส ซูเปอร์สปอร์ต รวมกว่า 200 สาขา การขยายศูนย์การค้าของซีพีเอ็นอีก 3 แห่ง การเปิดห้างสรรพสินค้าที่เมืองเฉินตู ประเทศจีน การบริหารจัดการโรงแรมในประเทศและต่างประเทศ การร่วมทุนเพื่อขยายโรงแรมเซนทาราแห่งใหม่ที่ มัลดีฟส์ โดยรวมในกลุ่มโรงแรมนี้ มีการขยายรวม 23 แห่ง ทั่วโลกทั้งรับบริหารและสร้างเอง ซึ่งเปิดบริการแล้ว 4 แห่ง ส่วนกลุ่มค้าส่งก็จะมีสินค้าแบรนด์ใหม่นำเข้ามาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง

***ใส่เกียร์เร่งต่างประเทศ
ในต่างประเทศบริษัทยังคงมองการลงทุนไปในประเทศที่มีศักยภาพของภูมิภาคอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และ พม่า หลังจากก่อนหน้านี้ ได้เข้าไปขยายธุรกิจเปิดห้างสรรสินค้าเซ็นทรัลและเซนในประเทศจีนมาแล้วจำนวน 3 เมือง ที่ หางโจว เซิ่นหยาง และเฉินตู

“ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่บอร์ดชุดนี้เข้ามดูแล เราขยายธุรกิจมากขึ้น เป็นแบบแอกเกรสซีฟ (Aggressive) และเราพยายามให้มีกระแสเงินสดรองรับไว้ 10,000 ล้านบาทต่อปี”

***เป้า 188,000 ล้านบาท ปีมังกรทอง
สำหรับผลประกอบการปี 2555 นายสุทธิธรรม กล่าวว่า ทางกลุ่มเซ็นทรัลตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 188,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้ในประเทศกว่า 89% และจากต่างประเทศ 11% เติบโต 35% จากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 139,600 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายรวมที่ตั้งไว้ที่ 133,500 ล้านบาท หรือเติบโต 17% จากปี 2553 โดยแบ่งเป็นแต่ละกลุ่มดังนี้ ซีอาร์ซีเติบโต 17% ซีพีเอ็น เติบโต 11% ซีเอ็มจี เติบโต 21% ซีเอชอาร์ เติบโต 20% และซีอาร์จี เติบโต 24%

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า กลุ่มเซ็นทรัลได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมเช่นกัน โดยต้องสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้กว่า 8,000 ล้านบาท สูญเสียโอกาสทำกำไรกว่า 1,500 ล้านบาท ทรัพย์สินรวมเสียหายหลายร้อยล้านบาท

** เข้มรับมือภัยพิบัติ
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก หรือ ซีอาร์ซี กล่าวถึงกรณีปัญหาน้ำท่วม ว่า ในเรื่องดิสทริวบิวชันต้องมีการปรับระบบวางแผนให้ดี การสร้างดีซีที่เดียวคงไม่ปลอดภัย ต้องมีการกระจายไปตามต่างจังหวัดภาคต่างๆ มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยง ระบบไอทีต้องมีการรองรับอย่างดี ไม่ให้สะดุดเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ เราเตรียมไว้หมดไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติอะไร ไฟไหม้ น้ำท่วมแผ่นดินไหว

นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด และกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่า ปีที่แล้วเรารับมือกับน้ำท่มวมได้ดีพอสมควรไม่มีศูนย์การค้าสาขาไหนของเราน้ำท่วมมีเลย มีแต่น้ำล้อมรอบเท่านั้น ส่วนปีนี้เราต้องเตรียมตัวให้ดีขึ้น เพราะได้เรียนรู้มาแล้ว การก่อสร้างอาคารใหม่เราต้องคำนึงถึงเรื่อองภัยธรรมชาติด้วยไม่ว่าจะเป็น แผ่นดินไหว หรือน้ำท่วม ซึ่งมาตรฐานเราต้องสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด
กำลังโหลดความคิดเห็น