ยูนิลีเวอร์ ยัน รายวัน ยังไม่ปรับราคาสินค้าคอนซูเมอร์ แต่อนาคตบอกไม่รู้ พร้อมทุ่มงบ 100 ล้านบาท ปั้น คนอร์ สูตรสำเร็จ เป็นแพลตฟอร์มใหม่เสริมทัพตลาดปรุงรสคนอร์ ส่ง 4 สูตรสำเร็จลงตลาด ชิงส่วนแบ่งตลาดแกงรวม 1,500 ล้านจานต่อปี
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร ธุรกิจอาหารและไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คนอร์ เปิดเผยว่า ขอยืนยันว่า ณ วันนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนการปรับขึ้นราคาสินค้าของบริษัทฯขึ้นแต่อย่างใด จะพยายามตรึงราคาเดิมไว้ให้มากที่สุดเพื่อลดภาระผู้บริโภค แต่ในอนาคตยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเป็นอย่างไร เนื่องจากเราเป็นผู้รับวัตถุดิบมาผลิตอีกทอดหนึ่ง จึงยังไม่สามารถบอกได้
นางสุพัตรากล่าวถึง การรุกตลาดของแบรนด์ "คนอร์" ว่า บริษัทฯได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ "คนอร์ สูตรสำเร็จ" เพื่อเป็นการขยายพอร์ตโฟลิโอในกลุ่มแบรนด์คนอร์ จากเดิมที่มี 1.ซุปก้อน 2.ซุปผง และ 3.โจ๊ก ให้มีความหลากหลายมากขึ้น และจะสร้าง คนอร์สูตรสำเร็จ ให้เป็นธุรกิจขาที่ 4 ของคนอร์ จากนี้ ไปเช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในต่างประเทศ เช่น เยอรมัน
สำหรับสินค้าคนอร์สูตรสำเร็จนี้จะใช้งบตลาดมากกว่า 100 ล้านบาทในการทำตลาด ครบวงจร ทั้งการเปิดตัวหนังโฆษณา สื่อสนับสนุนอื่นๆ การแจกสินค้าตัวอย่าง 1 ล้านถ้วย แจกผลิตภัณฑ์ขนาดจริง 3 ล้านซอง เปิดคอมมูนิตี้มอลล์ทาง www.facebook.com/knorrthailand
จากการสำรวจตลาดของรีเสิร์ชอินเตอร์เนชั่นแนลพบว่า คนไทยนิยมทานข้าวในบ้านมากกว่า 90% และแม่บ้านกว่า 51% ต้องทำงานนอกบ้านจึงไม่มีเวลาที่จะทำอาหารไทยเมนูยากๆ ซึ่งเมนูท็อปเท็นที่นิยมทำทานกันในบ้านคือ ไข่เจียว ผัดผัก ปลาทอด ต้มจืด ผักลวก ผักจิ้ม แกงส้ม ผัดกะเพรา หมูทอด ต้มยำ และน้ำพริก อย่างไรก็ตามในช่วงแรกนี้ คนอร์ผลิตออกมา 4 สูตรก่อน คือ แกงส้ม แกงเขียวหวาน ราคา 19 บาท และเมนู พะโล้ ต้มยำ ราคา 15 บาท เนื่องจากเป็นเมนูที่ทำค่อนข้างลำบากและต้องมีเครื่องปรุงเครื่องเคียงมาก ขณะที่เวลาของแม่บ้านสมัยนี้น้อยลง อีกทั้งจากการสำรวจพบว่า เมนูแกงทั้ง 4 ชนิดนี้ เป็นเมนูยอดฮิตที่คนไทยบริโภครวมกันมากกว่า 1,500 ล้านจานต่อปี ซึ่งบริษัทฯคาดหวังตลาดในกลุ่มนี้ประมาณ 200 ล้านจานก่อนในช่วงแรกก็เพียงพอแล้ว
สำหรับตลาดรวมผลิตภัณฑ์ปรุงรสในไทยมีมูลค่ารวมกันประมาณ 6,000 ล้านบาท เติบโต 12% แบ่งเป็นกลุ่มผงปรุงรส และซุปก้อน มีมูลค่า 3,600 ล้านบาท เติบโต 6% ส่วนของคนอร์เติบโต 9% กลุ่มโจ๊ก มีมูลค่าตลาดรวม 1,700 ล้านบาท เติบโต 24% ส่วนคนอร์เติบโต 30% และกลุ่มตลาดสูตรสำเร็จ มีมูลค่า 600 ล้านบาท เติบโต 10% จากการรุกตลาดและสร้างแพลตฟอร์มใหม่นี้ คาดว่าปีนี้คนอร์จะมียอดขายรวมกันเติบโตไม่ต่ำกว่าการเติบโตของตลาดรวมหรือ 2 หลัก ส่วนปีที่แล้วที่เติบโต 18%
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร ธุรกิจอาหารและไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คนอร์ เปิดเผยว่า ขอยืนยันว่า ณ วันนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนการปรับขึ้นราคาสินค้าของบริษัทฯขึ้นแต่อย่างใด จะพยายามตรึงราคาเดิมไว้ให้มากที่สุดเพื่อลดภาระผู้บริโภค แต่ในอนาคตยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเป็นอย่างไร เนื่องจากเราเป็นผู้รับวัตถุดิบมาผลิตอีกทอดหนึ่ง จึงยังไม่สามารถบอกได้
นางสุพัตรากล่าวถึง การรุกตลาดของแบรนด์ "คนอร์" ว่า บริษัทฯได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ "คนอร์ สูตรสำเร็จ" เพื่อเป็นการขยายพอร์ตโฟลิโอในกลุ่มแบรนด์คนอร์ จากเดิมที่มี 1.ซุปก้อน 2.ซุปผง และ 3.โจ๊ก ให้มีความหลากหลายมากขึ้น และจะสร้าง คนอร์สูตรสำเร็จ ให้เป็นธุรกิจขาที่ 4 ของคนอร์ จากนี้ ไปเช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในต่างประเทศ เช่น เยอรมัน
สำหรับสินค้าคนอร์สูตรสำเร็จนี้จะใช้งบตลาดมากกว่า 100 ล้านบาทในการทำตลาด ครบวงจร ทั้งการเปิดตัวหนังโฆษณา สื่อสนับสนุนอื่นๆ การแจกสินค้าตัวอย่าง 1 ล้านถ้วย แจกผลิตภัณฑ์ขนาดจริง 3 ล้านซอง เปิดคอมมูนิตี้มอลล์ทาง www.facebook.com/knorrthailand
จากการสำรวจตลาดของรีเสิร์ชอินเตอร์เนชั่นแนลพบว่า คนไทยนิยมทานข้าวในบ้านมากกว่า 90% และแม่บ้านกว่า 51% ต้องทำงานนอกบ้านจึงไม่มีเวลาที่จะทำอาหารไทยเมนูยากๆ ซึ่งเมนูท็อปเท็นที่นิยมทำทานกันในบ้านคือ ไข่เจียว ผัดผัก ปลาทอด ต้มจืด ผักลวก ผักจิ้ม แกงส้ม ผัดกะเพรา หมูทอด ต้มยำ และน้ำพริก อย่างไรก็ตามในช่วงแรกนี้ คนอร์ผลิตออกมา 4 สูตรก่อน คือ แกงส้ม แกงเขียวหวาน ราคา 19 บาท และเมนู พะโล้ ต้มยำ ราคา 15 บาท เนื่องจากเป็นเมนูที่ทำค่อนข้างลำบากและต้องมีเครื่องปรุงเครื่องเคียงมาก ขณะที่เวลาของแม่บ้านสมัยนี้น้อยลง อีกทั้งจากการสำรวจพบว่า เมนูแกงทั้ง 4 ชนิดนี้ เป็นเมนูยอดฮิตที่คนไทยบริโภครวมกันมากกว่า 1,500 ล้านจานต่อปี ซึ่งบริษัทฯคาดหวังตลาดในกลุ่มนี้ประมาณ 200 ล้านจานก่อนในช่วงแรกก็เพียงพอแล้ว
สำหรับตลาดรวมผลิตภัณฑ์ปรุงรสในไทยมีมูลค่ารวมกันประมาณ 6,000 ล้านบาท เติบโต 12% แบ่งเป็นกลุ่มผงปรุงรส และซุปก้อน มีมูลค่า 3,600 ล้านบาท เติบโต 6% ส่วนของคนอร์เติบโต 9% กลุ่มโจ๊ก มีมูลค่าตลาดรวม 1,700 ล้านบาท เติบโต 24% ส่วนคนอร์เติบโต 30% และกลุ่มตลาดสูตรสำเร็จ มีมูลค่า 600 ล้านบาท เติบโต 10% จากการรุกตลาดและสร้างแพลตฟอร์มใหม่นี้ คาดว่าปีนี้คนอร์จะมียอดขายรวมกันเติบโตไม่ต่ำกว่าการเติบโตของตลาดรวมหรือ 2 หลัก ส่วนปีที่แล้วที่เติบโต 18%