xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าสัว “ซีพี” แนะขึ้นเงินเดือน ขรก.2.2 หมื่น ค่าแรง 500 แก้ค่าครองชีพแพงลิ่ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจ้าสัว “ซีพี” หนุนปรับเงินเดือนข้าราชการเป็น 2.2 หมื่นบาท ค่าแรงขั้นต่ำ 500 บาทต่อวัน เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพแพงลิ่ว และช่วยดันเศรษฐกิจให้เดินหน้าได้ ขณะที่ราคาอาหารปรับขึ้นไม่สอดคล้องกับราคาพลังงาน ระบุ ในรอบ 47 ปี หมู-ไก่ ปรับขึ้นแค่ 3-6 เท่าตัว แต่น้ำมันปรับขึ้นไปถึง 25 เท่า พร้อมแนะให้ “ธปท.-รัฐบาล” มองการลงทุนในประเทศ อย่าไปกลัวเงินเฟ้อจนขึ้นสมอง ค้านเอาทุนสำรองฯ ไปซื้อบอนด์ต่างชาติ แนะทำระบบชลประทานด่วน โดยวิธีการออกบอนด์กู้ในประเทศ

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวว่า ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ประชากรมีรายได้สูงขึ้นด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศมหาอำนาจพยายามใช้เกมทางการเมือง ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังต่ำกว่าที่ควรจะเป็นไปตามกลไกตลาด

ขณะที่ราคาสินค้าเกษตร เช่น หมู ไก่ ไข่ที่ปรับขึ้น ไม่สอดคล้องกับราคาพลังงาน โดยในรอบ 47 ปี ราคาปรับขึ้นเฉลี่ย 3-6 เท่าตัว เทียบกับราคาพลังงานปรับขึ้นไปถึง 25 เท่าตัว ทำให้รายได้ประชากรนั้นยังต่ำ

นายธนินท์ เสนอแนะให้รัฐบาลเดินหน้าปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เป็น 22,000 หมื่นบาท และค่าแรงขั้นต่ำเป็น 500 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าในตลาด ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโต ขณะที่เห็นว่าควรนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาลงทุนในประเทศเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและชุมชน แทนที่จะนำไปลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ

“ค่าแรงขั้นต่ำที่เหมาะสมกับอัตราเงินเฟ้อ และราคาพลังงานปัจจุบันต้องอยู่ที่ 500 บาทต่อวัน และเงินเดือนปริญญาตรีขั้นต่ำต้องอยู่ที่ 22,000 บาท ถึงจะทำให้ค่าครองชีพเพียงพอและอยู่ได้ในยุคนี้ และจะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อได้”

นายธนินท์ กล่าวเสริมว่า การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการเพิ่มขึ้นและปรับค่าแรงงานขั้นต่ำ จะส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยและการจ้างงานซึ่งจะส่งผลบวกต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม เพราะจะสอดคล้องกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับราคาก๊าซและพลังงานทดแทนต่างๆ

“ยิ่งราคาพลังงานสูงเท่าไร ราคาสินค้าก็เพิ่มสูงเท่านั้น แต่ทุกวันนี้มองว่า ราคาพลังงานอย่างเอทานอลยังไม่ขึ้นสูงเลย อย่าไปกังวลมันมากและราคาน้ำมันยังไม่สะท้อนพื้นฐาน อย่าหวังว่าน้ำมันจะถูกกว่านี้”

ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังเชื่อว่า แนวโน้มราคาสินค้าอาหารที่จะสูงขึ้นจะไม่กระทบกับผู้บริโภค และมองว่า รัฐบาลควรมีนโยบายสนับสนุนการปลูกพืชพลังงานทดแทน ได้แก่ อ้อย และมันสำปะหลังมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพิงการนำเข้าน้ำมันจากต่างชาติ และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร แม้อาจจะทำให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวหันมาปลูกพืชสองชนิดนี้ ทำให้ข้าวในตลาดลดลง จนผลักดันให้ราคาข้าวสูงขึ้นในที่สุด

นายธนินท์ กล่าวว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นำเงินทุนสำรองฯ ไปลงทุนซื้อพันธบัตรในต่างประเทศ มองว่าไม่ถูกต้อง เพราะควรให้ความสำคัญกับการผลิตในประเทศมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนสินค้าเกษตร สนับสนุนการปรับปรุงระบบชลประทาน

พร้อมกันนั้น ยังเห็นว่า ทางการไม่ควรกังวลกับปัญหาเงินเฟ้อมากกว่าปัญหาเศรษฐกิจ เพราะทุกประเทศที่กำลังพัฒนาเป็นเรื่องปกติที่มีอัตรางเงินเฟ้อสูง หากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) เป็นตัวเลข 2 หลัก และอัตราเงินเฟ้อยังเป็นตัวเลขหลักเดียวอยู่

นอกจากนี้ นายธนินท์ ยังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลลงทุนโครงการชลประทานโดยเร็ว โดยสนับสนุนให้ออกพันธบัตรกู้ภายในประเทศ มากกว่ากู้เงินต่างประเทศ เพื่อลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้
กำลังโหลดความคิดเห็น