ASTVผู้จัดการรายวัน - โตชิบามั่นใจศักยภาพประเทศไทย พร้อมเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง ส่งบริษัทในเครือเล็งหาพื้นที่ลงทุนอีกแห่ง ล่าสุด บริษัทแม่ซัปพอร์ตอัดงบการตลาดเพิ่ม 2 เท่าตัว รุกปี 55 เต็มสูบผ่านงบกว่า 1,000-1,500 ล้านบาท หวังกู้รายได้ปี 55 แตะ10,000 ล้านบาท โต 20%
นายยูกิฮารุ อาดาชิ ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมความเสียหายของโตชิบาในช่วงน้ำท่วมนั้น พบว่า โรงงานเสียหาย 9 โรงที่บางกะดี และคลังสินค้า 1 แห่งที่นวนคร ซึ่งเฉพาะคลังสินค้า มีสต๊อกสินค้าร่วม 2 แสนชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท ดังนั้น ในส่วนของโรงงานย่อมมีความเสียหายมากกว่า แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายทั้งหมดได้
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มโตชิบา กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูโรงงานต่างๆ ให้กลับมาดำเนินการผลิตได้อย่างเร็วที่สุด คาดว่า ไม่เกินไตรมาส 3 ปีหน้าจะกลับมาผลิตได้อีกครั้ง ส่งผลให้ระหว่างนี้มีสินค้าบางตัวที่ขาดตลาด โดยเฉพาะกลุ่มตู้เย็น 2 ประตูขึ้นไป และเครื่องซักผ้า ซึ่งทางบริษัทกำลังเร่งหาวิธีแก้ไขแล้ว โดยจะเป็นการนำเข้าจากโรงงานในประเทศจีนทดแทน พร้อมขอให้ภาครัฐให้ความช่วยเหลือ ทั้งในด้านของการลดหย่อนมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม และภาษีนำเข้าจาก 30% ให้ลดลงบ้าง
ทั้งนี้ ทางบริษัทจะใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มไลน์อัปสินค้าทำตลาดในส่วนที่ยังว่างอยู่ โดยจะมีรายการสินค้าให้ครอบคลุมทั้งตลาดล่างและตลาดบน รวมถึงมุ่งทำการขายสินค้าในกลุ่มเอวีและไอที ทดแทนกลุ่มเอชเอที่ขาดตลาดในช่วงนี้แทน มั่นใจว่า ถึงสิ้นปีงบประมาณ 2554 (1เม.ย 54-31 มี.ค.55) บริษัทจะยังคงมีรายได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 8,500 ล้านบาท เติบโต 20% เนื่องจาก 3 ไตรมาสแรก สามารถทำยอดขายได้ค่อนข้างดี ซึ่งหากไม่มีปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้น มั่นใจว่าจะมียอดขายรวมเกินเป้าแน่
นายอาดาชิ กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้ ทางบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งยังคงมั่นใจที่จะลงทุนในประเทศไทยต่อไป โดยในส่วนของ 9 โรงงานนั้น จะมีการลงทุนซ่อมแซมและรันการผลิตต่อ โดยไม่มีแผนที่จะย้ายโรงงานไปที่อื่น อีกทั้งขณะนี้บริษัทในเครือโตชิบาจากญี่ปุ่น ก็ได้เข้ามาเซอร์เวย์หาพื้นที่เพื่อลงทุนตั้งโรงงานผลิตที่เมืองไทยอีก 1 บริษัทแล้วด้วย
ที่สำคัญ เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดและการขายของโตชิบาหลังน้ำท่วมนี้ ล่าสุด ทางบริษัทแม่พร้อมซัปพอร์ตงบการตลาดเพิ่มอีกประมาณ 2 เท่า เพื่อให้นำมาใช้ทำการตลาดตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ส่งผลให้งบการตลาดในปี 2555 (1 เม.ย.55-31 มี.ค.56) โตชิบาจะใช้งบการตลาดรวมประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท จากปกติที่จะใช้เพียง 400-500 ล้านบาทเท่านั้น โดยในแง่รายได้แล้ว คาดว่า จะมียอดขายเติบโตขึ้นราว 20% คิดเป็นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนในตลาดรวมคาดว่าปีหน้าจะเติบโตขึ้นประมาณ 15-20%
ล่าสุด พร้อมเดินหน้ารุกตลาดตู้เย็นประตูเดียว เปิดตัวรุ่นใหม่ คือ รุ่น Twist ที่มาพร้อมดีไซน์และฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น หวังเพิ่มฐานลูกค้าที่อายุเด็กลงมา มั่นใจว่า จะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดตู้เย็นประตูเดียวเป็น 25% ครองความเป็นผู้นำอีกครั้ง จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 22% และเป็นผู้นำตลาดอยู่ ทั้งนี้ มองว่า ความต้องการของตู้เย็นรวมในปี 2555 จะมีไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านเครื่อง
นายยูกิฮารุ อาดาชิ ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมความเสียหายของโตชิบาในช่วงน้ำท่วมนั้น พบว่า โรงงานเสียหาย 9 โรงที่บางกะดี และคลังสินค้า 1 แห่งที่นวนคร ซึ่งเฉพาะคลังสินค้า มีสต๊อกสินค้าร่วม 2 แสนชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท ดังนั้น ในส่วนของโรงงานย่อมมีความเสียหายมากกว่า แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายทั้งหมดได้
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มโตชิบา กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูโรงงานต่างๆ ให้กลับมาดำเนินการผลิตได้อย่างเร็วที่สุด คาดว่า ไม่เกินไตรมาส 3 ปีหน้าจะกลับมาผลิตได้อีกครั้ง ส่งผลให้ระหว่างนี้มีสินค้าบางตัวที่ขาดตลาด โดยเฉพาะกลุ่มตู้เย็น 2 ประตูขึ้นไป และเครื่องซักผ้า ซึ่งทางบริษัทกำลังเร่งหาวิธีแก้ไขแล้ว โดยจะเป็นการนำเข้าจากโรงงานในประเทศจีนทดแทน พร้อมขอให้ภาครัฐให้ความช่วยเหลือ ทั้งในด้านของการลดหย่อนมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม และภาษีนำเข้าจาก 30% ให้ลดลงบ้าง
ทั้งนี้ ทางบริษัทจะใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มไลน์อัปสินค้าทำตลาดในส่วนที่ยังว่างอยู่ โดยจะมีรายการสินค้าให้ครอบคลุมทั้งตลาดล่างและตลาดบน รวมถึงมุ่งทำการขายสินค้าในกลุ่มเอวีและไอที ทดแทนกลุ่มเอชเอที่ขาดตลาดในช่วงนี้แทน มั่นใจว่า ถึงสิ้นปีงบประมาณ 2554 (1เม.ย 54-31 มี.ค.55) บริษัทจะยังคงมีรายได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 8,500 ล้านบาท เติบโต 20% เนื่องจาก 3 ไตรมาสแรก สามารถทำยอดขายได้ค่อนข้างดี ซึ่งหากไม่มีปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้น มั่นใจว่าจะมียอดขายรวมเกินเป้าแน่
นายอาดาชิ กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้ ทางบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งยังคงมั่นใจที่จะลงทุนในประเทศไทยต่อไป โดยในส่วนของ 9 โรงงานนั้น จะมีการลงทุนซ่อมแซมและรันการผลิตต่อ โดยไม่มีแผนที่จะย้ายโรงงานไปที่อื่น อีกทั้งขณะนี้บริษัทในเครือโตชิบาจากญี่ปุ่น ก็ได้เข้ามาเซอร์เวย์หาพื้นที่เพื่อลงทุนตั้งโรงงานผลิตที่เมืองไทยอีก 1 บริษัทแล้วด้วย
ที่สำคัญ เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดและการขายของโตชิบาหลังน้ำท่วมนี้ ล่าสุด ทางบริษัทแม่พร้อมซัปพอร์ตงบการตลาดเพิ่มอีกประมาณ 2 เท่า เพื่อให้นำมาใช้ทำการตลาดตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ส่งผลให้งบการตลาดในปี 2555 (1 เม.ย.55-31 มี.ค.56) โตชิบาจะใช้งบการตลาดรวมประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท จากปกติที่จะใช้เพียง 400-500 ล้านบาทเท่านั้น โดยในแง่รายได้แล้ว คาดว่า จะมียอดขายเติบโตขึ้นราว 20% คิดเป็นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนในตลาดรวมคาดว่าปีหน้าจะเติบโตขึ้นประมาณ 15-20%
ล่าสุด พร้อมเดินหน้ารุกตลาดตู้เย็นประตูเดียว เปิดตัวรุ่นใหม่ คือ รุ่น Twist ที่มาพร้อมดีไซน์และฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น หวังเพิ่มฐานลูกค้าที่อายุเด็กลงมา มั่นใจว่า จะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดตู้เย็นประตูเดียวเป็น 25% ครองความเป็นผู้นำอีกครั้ง จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 22% และเป็นผู้นำตลาดอยู่ ทั้งนี้ มองว่า ความต้องการของตู้เย็นรวมในปี 2555 จะมีไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านเครื่อง
