“พาณิชย์” เผย น้ำท่วมนา 8.5 ล้านไร่ คาด ผลผลิตเสียหาย 5 ล้านตันข้าวเปลือก ทำรับจำนำต่ำกว่าเป้าหมาย แต่กลับเป็นผลดี ช่วยฉุดราคาขึ้นยกแผง ทั้งราคาในประเทศและราคาส่งออก “ภูมิ” เช็กความพร้อมรอบสุดท้าย มีโรงสีเข้าร่วมโครงการ 667 แห่ง พร้อมเปิดรับจำนำทันที 30 จังหวัดทั่วประเทศ 7 ต.ค.นี้ “วัชรี” เล็งบีบเนื้อหมูลดราคาลงอีกเหลือกิโลละ 120-125 บาท
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานความเสียหายเบื้องต้นจากเหตุน้ำท่วมในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศจำนวน 8.5 ล้านไร่ โดยมีปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกที่ได้รับความเสียหายประมาณ 4-5 ล้านตัน โดยพื้นที่เพาะปลูกข้าวสำคัญของประเทศ เช่น ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ชันนาท นครสวรรค์ พิษณุโลก ถูกน้ำท่วมขังนานกว่า 1 เดือน อีกทั้งชาวนาส่วนใหญ่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิต จึงคาดว่าปริมาณข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำนาปี 2554/55 อาจจะน้อยกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้
“รัฐบาลยืนยันว่า จะเปิดโครงการจำนำข้าวจากชาวนาทุกเม็ดเหมือนเดิม แต่ด้วยเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นรุนแรงและยาวนาน ทำให้พื้นที่นาในภาคกลางบางส่วนได้รับความเสียหาย ทำให้จำนวนข้าวที่เข้ามารับจำนำอาจต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ 24-25 ล้านตัน” นายยรรยง กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับเกษตรกรที่ผลผลิตข้าวได้รับความเสียหาย รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาชาวนาที่ข้าวถูกน้ำท่วมอยู่แล้ว เพื่อให้สามารถกลับมาเพาะปลูกและมีรายได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนกรณีของผู้บริโภค ขอให้สบายใจได้ว่าจะมีข้าวบริโภคเพียงพอ ไม่เกิดปัญหาขาดแคลน เพราะรัฐบาลมีแผนที่จะดูแลราคาข้าวในประเทศอยู่แล้ว
นายยรรยง กล่าวว่า จากปริมาณผลผลิตที่เสียหายจำนวนมาก ทำให้ทิศทางราคาข้าวทั้งในและต่างประเทศได้ทยอยปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้ขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากผลผลิตข้าวทั่วโลกลดน้อยลง โดยเฉพาะในไทย และเวียดนามเองก็ประสบปัญหาน้ำท่วมเช่นเดียวกัน ส่วนอินเดียแม้จะเริ่มกลับมาส่งออกได้ แต่คงทำได้ไม่เต็มที่ เพราะผลผลิตส่วนเกินเหลือน้อย ประกอบกับฟิลิปปินส์ และหลายประเทศ ยังต้องการซื้อข้าวในระดับสูง ดังนั้น ต่อไปราคาข้าวสำหรับส่งออกจึงปรับขึ้น และประเทศไทยไม่จำเป็นต้องขายข้าวในราคาต่ำ
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายก่อนที่จะเปิดโครงการจำนำข้าวเปลือกนาปี ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ โดยมีโรงสีที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการ 667 แห่ง เพิ่มจากเดิมที่มีโรงสีประสงค์เข้าร่วมโครงการ 630 แห่ง ซึ่งจะเปิดจุดรับจำนำได้ใน 30 จังหวัด ในพื้นที่ภาคกลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือก่อน โดยเชื่อว่าเพียงพอต่อการเปิดจุดรับจำนำให้เกษตรกร เพราะผลผลิตข้าวจะทยอยออกมาไม่พร้อมกัน
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ กรมฯ จะประชุมร่วมกับผู้ประกอบการหมูทั้งระบบ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ราคาและปริมาณหมูล่าสุด เบื้องต้นจะประกาศปรับลดราคาขายปลีกเนื้อหมูเหลือ 120-125 บาท/กก.จากเดิมที่กำหนด 130-135 บาท/กก. เพราะราคาหมูเป็นได้ปรับลดลงมาเหลือกก.ละ 58 บาท ราคาหมูเนื้อแดงจึงควรลดลงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ จะพิจารณาว่าควรยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกหมูชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งหากประเมินสถานการณ์แล้ว พบว่าปริมาณหมูในระบบกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะเสนอคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ให้ยกเลิกมาตรการต่อไป
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานความเสียหายเบื้องต้นจากเหตุน้ำท่วมในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศจำนวน 8.5 ล้านไร่ โดยมีปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกที่ได้รับความเสียหายประมาณ 4-5 ล้านตัน โดยพื้นที่เพาะปลูกข้าวสำคัญของประเทศ เช่น ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ชันนาท นครสวรรค์ พิษณุโลก ถูกน้ำท่วมขังนานกว่า 1 เดือน อีกทั้งชาวนาส่วนใหญ่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิต จึงคาดว่าปริมาณข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำนาปี 2554/55 อาจจะน้อยกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้
“รัฐบาลยืนยันว่า จะเปิดโครงการจำนำข้าวจากชาวนาทุกเม็ดเหมือนเดิม แต่ด้วยเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นรุนแรงและยาวนาน ทำให้พื้นที่นาในภาคกลางบางส่วนได้รับความเสียหาย ทำให้จำนวนข้าวที่เข้ามารับจำนำอาจต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ 24-25 ล้านตัน” นายยรรยง กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับเกษตรกรที่ผลผลิตข้าวได้รับความเสียหาย รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาชาวนาที่ข้าวถูกน้ำท่วมอยู่แล้ว เพื่อให้สามารถกลับมาเพาะปลูกและมีรายได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนกรณีของผู้บริโภค ขอให้สบายใจได้ว่าจะมีข้าวบริโภคเพียงพอ ไม่เกิดปัญหาขาดแคลน เพราะรัฐบาลมีแผนที่จะดูแลราคาข้าวในประเทศอยู่แล้ว
นายยรรยง กล่าวว่า จากปริมาณผลผลิตที่เสียหายจำนวนมาก ทำให้ทิศทางราคาข้าวทั้งในและต่างประเทศได้ทยอยปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้ขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากผลผลิตข้าวทั่วโลกลดน้อยลง โดยเฉพาะในไทย และเวียดนามเองก็ประสบปัญหาน้ำท่วมเช่นเดียวกัน ส่วนอินเดียแม้จะเริ่มกลับมาส่งออกได้ แต่คงทำได้ไม่เต็มที่ เพราะผลผลิตส่วนเกินเหลือน้อย ประกอบกับฟิลิปปินส์ และหลายประเทศ ยังต้องการซื้อข้าวในระดับสูง ดังนั้น ต่อไปราคาข้าวสำหรับส่งออกจึงปรับขึ้น และประเทศไทยไม่จำเป็นต้องขายข้าวในราคาต่ำ
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายก่อนที่จะเปิดโครงการจำนำข้าวเปลือกนาปี ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ โดยมีโรงสีที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการ 667 แห่ง เพิ่มจากเดิมที่มีโรงสีประสงค์เข้าร่วมโครงการ 630 แห่ง ซึ่งจะเปิดจุดรับจำนำได้ใน 30 จังหวัด ในพื้นที่ภาคกลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือก่อน โดยเชื่อว่าเพียงพอต่อการเปิดจุดรับจำนำให้เกษตรกร เพราะผลผลิตข้าวจะทยอยออกมาไม่พร้อมกัน
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ กรมฯ จะประชุมร่วมกับผู้ประกอบการหมูทั้งระบบ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ราคาและปริมาณหมูล่าสุด เบื้องต้นจะประกาศปรับลดราคาขายปลีกเนื้อหมูเหลือ 120-125 บาท/กก.จากเดิมที่กำหนด 130-135 บาท/กก. เพราะราคาหมูเป็นได้ปรับลดลงมาเหลือกก.ละ 58 บาท ราคาหมูเนื้อแดงจึงควรลดลงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ จะพิจารณาว่าควรยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกหมูชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งหากประเมินสถานการณ์แล้ว พบว่าปริมาณหมูในระบบกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะเสนอคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ให้ยกเลิกมาตรการต่อไป
