บุรีรัมย์ - การค้าภายในบุรีรัมย์พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรียกผู้ประกอบการโรงสี 7 แห่งที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำรับทราบหลักเกณฑ์เตรียมพร้อมรับจำนำข้าว 7 ต.ค.นี้ ขณะที่หน่วยเฉพาะกิจกรมการค้าภายในเตรียมร่วมดีเอสไอเข้าตรวจสอบป้องกันการทุจริตอย่างเข้มงวด
วันนี้ (21 ก.ย.) นายสุทธิศักดิ์ พรหมบุตร การค้าภายในจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยองค์การคลังสินค้า (อคส.) และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ได้เรียกผู้ประกอบการโรงสี และตลาดกลางข้าวและพืชไร่รวม 7 แห่งที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2554/55 เข้าหารือรับทราบระเบียบขั้นตอนหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าว เพื่อเตรียมพร้อมดำเนินการเปิดรับจำนำ ในวันที่ 7 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ โดยรัฐบาลได้ประกาศราคารับจำนำอยู่ที่ตันละ 20,000 บาทต่อเปอร์เซ็นต์ต้นข้าว 42 กรัม ปรับขึ้นลงเปอร์เซ็นต์กรัมละ 200 บาท
พร้อมกันนี้ ทางสำนักตรวจสอบของกรมการค้าภายในยังได้ตั้งชุดเฉพาะกิจ ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและการสวมสิทธิ์เกษตรกร ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณของรัฐ หากพบว่ามีผู้ประกอบการ หรือเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำทุจริต จะถูกดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายอาญาทันที โดยคาดว่าจะมีเกษตรกรสนใจนำข้าวมาร่วมโครงการรับจำนำเป็นจำนวนมากเพราะมีราคารับจำนำที่สูงและจูงใจ
นายสุทธิศักดิ์ พรหมบุตร การค้าภายในจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า สำหรับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการฯจะต้องได้รับการตรวจรับรองจากคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติระดับจังหวัดและผ่านการอนุมัติจาก อคส.และ อกต.โดยโรงสีดังกล่าวจะต้องมีความพร้อมทั้งโกดัง สถานที่ตากข้าว เครื่องอบความชื้น เครื่องชั่งน้ำหนักที่ได้มาตรฐาน และติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจจับการลักลอบขนถ่ายข้าวออกจากโกดัง หรือการกระทำทุจริตในรูปแบบอื่นๆ ดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า ในปีนี้จังหวัดบุรีรัมย์มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวกว่า 3,270,000 ไร่ กว่า 90 เปอร์เซ็นต์เป็นข้าวหอมมะลิ และคาดว่าปีนี้จะได้ผลผลิตไม่น้อยกว่า 1,350,000 ตัน สำหรับเกษตรกรที่สามารถเข้าร่วมโครงการรับจำนำได้ ต้องขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกร ผ่านการทำประชาคม และมีหนังสือรับรองจากเกษตรอำเภอหรือเกษตรตำบลในพื้นที่อย่างถูกต้อง