เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ปลุกลูกค้าซื้อรถจากตัวแทนตรง ถล่มซ้ำเกรย์มาร์เก็ต หลังจากไม่รับประกันสินค้า ล่าสุดส่งรถใหม่เขย่า 9 รุ่น พร้อมปรับราคาจำหน่ายลง 7 รุ่น ตั้งแต่ 1-2 แสนบาท และเปิดทางเลือกเช่าซื้อง่ายๆ ประกาศเพื่อปกป้องประโยชน์ลูกค้า จึงออกโฆษณาต้าน เผยเจอรถยนต์ที่ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ตถูกถอดระบบความปลอดภัย แถมถูกตำรวจเศรษฐกิจยึดรถมาตรวจสอบเพียบ
ดร.อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า นับตั้งแต่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์เข้ามาทำตลาดในไทย ตั้งแต่ปี 1904 ได้รับการตอบรับและเชื่อมั่นจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จากสมรรถนะและประสิทธิภาพของรถ การดูแลลูกค้า และบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน โดยปัจจุบันยอดขาย 7 เดือนแรกปีนี้ ทำได้กว่า 2,700 คัน เติบโตจากปีที่ผ่านมา 5% แม้จะประสบปัญหาการชิงตลาดจากผู้นำเข้ารถอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต
“ปัจจุบันเกรย์มาร์เก็ตมีสัดส่วนยอดขายกว่า 51% ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จากเดิมจะอยู่ที่ 13% เมื่อปี 2008 ซึ่งปัญหาไม่ใช่การเข้ามาแย่งยอดขาย แต่สิ่งที่ไม่ชอบมากที่สุดเป็นเรื่องของมีผู้นำรถเข้ามาขาย และที่สุดก็ส่งภาระรับผิดชอบการบริการหลังการขายมาให้ นี่จึงทำให้เราต้องออกมาตรการต่างๆ จนล่าสุดรถลูกค้าที่ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ตจะเข้ารับบริการจากเรา จะต้องเสียค่าธรรมเนียมแรกเข้า สำหรับการประกันคุณภาพสินค้า (Warranty) 1.5- 5 แสนบาท”
ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ประเทศไทย ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจอย่างขาวสะอาด ให้ความเคารพกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายของประเทศไทย เสียภาษีให้แก่ภาครัฐด้วยความเที่ยงธรรม และครบเต็มจำนวนมาโดยตลอด และมีความห่วงใยในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ต่อผู้ขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์นำเข้าจากเกรย์มาร์เก็ต ซึ่งส่งผลกระทบต่อแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์
“นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่า ทำไมผู้ที่ชื่นชอบและรักในแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงควรตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น เพราะผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการมีการลงทุนเป็นเม็ดเงินในจำนวนสูง มีการสร้างงานให้แก่คนไทย สร้างศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน และมีเครื่องมือทันสมัย โดยล่าสุดยังได้มอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าในทุกๆ ด้าน พร้อมกับออกโฆษณาเตือนการซื้อรถนำเข้าที่ไม่ผ่านตัวแทนจำหน่าย”
นายสเตฟาน เมอบิอุส รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 4 เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะทำตลาดเชิงรุก ด้วยการส่งรถรุ่นใหม่ทุกเซกเมนต์ถึง 9 รุ่น โดยเฉพาะ C200 BlueEFFICIENCY ที่มีราคาเพียง 2.149 ล้านบาท และอีกรุ่น E200 NGT Elegance BlueEFFICIENCY ราคา 3.549 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ต่ำกว่ารุ่นเดิม
“ไม่เพียงเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด เรายังได้ปรับราคารถยนต์ใหม่ 7 รุ่น จากที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยเพิ่มระดับความคุ้มค่าและประหยัดทันที 1-2 แสนบาท เพื่อกระตุ้นตลาดและก่อให้เกิดการแข่งขัน พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น ดังเช่นรุ่น C200 ที่ราคาเริ่มต้นเพียง 2 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อรถระดับราคา 1.6 ล้านบาทขึ้นไป สามารถขยับมาซื้อได้”
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังให้ความสะดวกในการเป็นเจ้าของรถ โดยมีข้อเสนอทางการเงินหลากหลายรูปแบบ อย่างโปรแกรม StarChoice ลูกค้าที่เลือกซื้อรถยนต์รุ่น C 200 BlueEFFICIENCY ราคา 2,149,000 บาท สามารถเลือกแคมเปญ StarChoice จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่งได้ โดยชำระรายเดือนแค่ 25,900 บาท หรือเพียง 864 บาทต่อวันเท่านั้น
นายอรุณ สมุทรสาร รองประธานบริหารฝ่ายหลังการขาย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์มุ่งมั่นที่จะให้บริการหลังการขายที่ดีที่สุด แต่เพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์ลูกค้า พร้อมทั้งรักษาภาพลักษณ์แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ บริษัทจึงได้มีมาตรการบริการหลังการขายรถยนต์นำเข้าจากเกรย์มาร์เก็ต ด้วยการให้บริการตามปกติ แต่ไม่มีรับประกันคุณภาพสินค้า รถยนต์ที่เกรย์มาร์เก็ตนำเข้ามา ที่ผลิตตั้งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ราคารถยนต์ของเกรย์มาร์เก็ตบางรายอาจจะต่ำ เพราะเขามีต้นทุนต่ำกว่าจากการไม่ต้องลงทุนต่างๆ อย่างการลงทุนของดีลเลอร์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มากกว่า 200 ล้านบาท หรือเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ที่สำคัญ เรื่องการบริการหลังการขายที่ไม่ต้องรับผิดชอบมากนัก ซึ่งจากการรับรถของลูกค้าที่ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ต พบปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นถูกถอด ESP ระบบความปลอดภัยต่างๆ หรือระบบแอร์ที่ต้องมีฮีทเตอร์ก็ถูกถอดทิ้งไป ส่งผลต่อการควบคุมระบบอากาศให้เท่ากันทั่วรถ และที่สำคัญผู้ซื้อรถยนต์จากเกรย์มาร์เก็ตหลายราย จะถูกตำรวจเศรษฐกิจยึดรถมาตรวจสอบเรื่องการนำเข้า มีการถอดประกอบ รวมถึงจดทะเบียนในอังกฤษมาก่อนหรือเปล่า ตลอดจนมีการแก้เลขระยะไมล์หรือไม่ เป็นต้น
ดร.อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า นับตั้งแต่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์เข้ามาทำตลาดในไทย ตั้งแต่ปี 1904 ได้รับการตอบรับและเชื่อมั่นจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จากสมรรถนะและประสิทธิภาพของรถ การดูแลลูกค้า และบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน โดยปัจจุบันยอดขาย 7 เดือนแรกปีนี้ ทำได้กว่า 2,700 คัน เติบโตจากปีที่ผ่านมา 5% แม้จะประสบปัญหาการชิงตลาดจากผู้นำเข้ารถอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต
“ปัจจุบันเกรย์มาร์เก็ตมีสัดส่วนยอดขายกว่า 51% ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จากเดิมจะอยู่ที่ 13% เมื่อปี 2008 ซึ่งปัญหาไม่ใช่การเข้ามาแย่งยอดขาย แต่สิ่งที่ไม่ชอบมากที่สุดเป็นเรื่องของมีผู้นำรถเข้ามาขาย และที่สุดก็ส่งภาระรับผิดชอบการบริการหลังการขายมาให้ นี่จึงทำให้เราต้องออกมาตรการต่างๆ จนล่าสุดรถลูกค้าที่ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ตจะเข้ารับบริการจากเรา จะต้องเสียค่าธรรมเนียมแรกเข้า สำหรับการประกันคุณภาพสินค้า (Warranty) 1.5- 5 แสนบาท”
ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ประเทศไทย ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจอย่างขาวสะอาด ให้ความเคารพกฎ ระเบียบ และข้อกฎหมายของประเทศไทย เสียภาษีให้แก่ภาครัฐด้วยความเที่ยงธรรม และครบเต็มจำนวนมาโดยตลอด และมีความห่วงใยในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ต่อผู้ขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์นำเข้าจากเกรย์มาร์เก็ต ซึ่งส่งผลกระทบต่อแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์
“นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่า ทำไมผู้ที่ชื่นชอบและรักในแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงควรตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น เพราะผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการมีการลงทุนเป็นเม็ดเงินในจำนวนสูง มีการสร้างงานให้แก่คนไทย สร้างศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน และมีเครื่องมือทันสมัย โดยล่าสุดยังได้มอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าในทุกๆ ด้าน พร้อมกับออกโฆษณาเตือนการซื้อรถนำเข้าที่ไม่ผ่านตัวแทนจำหน่าย”
นายสเตฟาน เมอบิอุส รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 4 เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะทำตลาดเชิงรุก ด้วยการส่งรถรุ่นใหม่ทุกเซกเมนต์ถึง 9 รุ่น โดยเฉพาะ C200 BlueEFFICIENCY ที่มีราคาเพียง 2.149 ล้านบาท และอีกรุ่น E200 NGT Elegance BlueEFFICIENCY ราคา 3.549 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ต่ำกว่ารุ่นเดิม
“ไม่เพียงเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด เรายังได้ปรับราคารถยนต์ใหม่ 7 รุ่น จากที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยเพิ่มระดับความคุ้มค่าและประหยัดทันที 1-2 แสนบาท เพื่อกระตุ้นตลาดและก่อให้เกิดการแข่งขัน พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น ดังเช่นรุ่น C200 ที่ราคาเริ่มต้นเพียง 2 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อรถระดับราคา 1.6 ล้านบาทขึ้นไป สามารถขยับมาซื้อได้”
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังให้ความสะดวกในการเป็นเจ้าของรถ โดยมีข้อเสนอทางการเงินหลากหลายรูปแบบ อย่างโปรแกรม StarChoice ลูกค้าที่เลือกซื้อรถยนต์รุ่น C 200 BlueEFFICIENCY ราคา 2,149,000 บาท สามารถเลือกแคมเปญ StarChoice จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่งได้ โดยชำระรายเดือนแค่ 25,900 บาท หรือเพียง 864 บาทต่อวันเท่านั้น
นายอรุณ สมุทรสาร รองประธานบริหารฝ่ายหลังการขาย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์มุ่งมั่นที่จะให้บริการหลังการขายที่ดีที่สุด แต่เพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์ลูกค้า พร้อมทั้งรักษาภาพลักษณ์แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ บริษัทจึงได้มีมาตรการบริการหลังการขายรถยนต์นำเข้าจากเกรย์มาร์เก็ต ด้วยการให้บริการตามปกติ แต่ไม่มีรับประกันคุณภาพสินค้า รถยนต์ที่เกรย์มาร์เก็ตนำเข้ามา ที่ผลิตตั้งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ราคารถยนต์ของเกรย์มาร์เก็ตบางรายอาจจะต่ำ เพราะเขามีต้นทุนต่ำกว่าจากการไม่ต้องลงทุนต่างๆ อย่างการลงทุนของดีลเลอร์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มากกว่า 200 ล้านบาท หรือเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ที่สำคัญ เรื่องการบริการหลังการขายที่ไม่ต้องรับผิดชอบมากนัก ซึ่งจากการรับรถของลูกค้าที่ซื้อจากเกรย์มาร์เก็ต พบปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นถูกถอด ESP ระบบความปลอดภัยต่างๆ หรือระบบแอร์ที่ต้องมีฮีทเตอร์ก็ถูกถอดทิ้งไป ส่งผลต่อการควบคุมระบบอากาศให้เท่ากันทั่วรถ และที่สำคัญผู้ซื้อรถยนต์จากเกรย์มาร์เก็ตหลายราย จะถูกตำรวจเศรษฐกิจยึดรถมาตรวจสอบเรื่องการนำเข้า มีการถอดประกอบ รวมถึงจดทะเบียนในอังกฤษมาก่อนหรือเปล่า ตลอดจนมีการแก้เลขระยะไมล์หรือไม่ เป็นต้น