xs
xsm
sm
md
lg

วายแอนด์อาร์ ชี้ 5 เทรนด์คนไทย แนะธุรกิจรับมือเข้าถึงไลฟ์สไตล์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วายแอนด์อาร์ ชี้ 5 เทรนด์การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต ช่วยเอเจนซี่และเจ้าของสินค้าปรับทัพวางกลยุทธ์ให้ทันท่วงที

นายกิตติพงษ์ วีระเตชะ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และวางกลยุทธ์แบรนด์หน่วยงานเอเนอร์จี้ (Energy) บริษัทยังก์แอนด์รูบิแคม แบรนด์ จำกัด หรือ Y&R ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารและบริหารตราสินค้า เปิดเผยว่า ทางวาย แอนด์ อาร์ ได้เกาะติดสถานการณ์พฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พบว่า คนไทยรักการใช้ชีวิตอิสระ และมีเสรีภาพทางความคิดมากขึ้น และ1ใน3 ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง รวมทั้งยังพบด้วยว่าอัตราการแต่งงานมีจำนวนที่ลดลง หรือแต่งงานช้าลง ขนาดครอบครัวเล็กลงอยู่ที่ 3 คนเป็นหลัก จากที่ผ่านมาอยู่ที่ 5 คน สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการจับจ่ายใช้สอยสินค้า แต่ยังพบว่าโฆษณายังมีอิทธิพลกับผู้บริโภคอยู่

นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ผู้บริโภคแสวงหาข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆมากขึ้น โดยเฉพาะในอินเตอร์เน็ต พบว่าคนไทยเล่นเฟซบุ๊คกว่า 12 ล้านคน ติดอันดับ4ของเอเชีย รองจาก อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ตามลำดับ โดยแต่สัปดาห์ใช้เวลาเล่นเฟซบุ๊คสูงถึง 7 ชม. สูงสุดในเอเชีย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นยังพบด้วยว่า มีพฤติกรรมในการคุยโทรศัพท์นานที่สุดเมื่อเทียบกับเด็กในเอเชียด้วยกัน หรือวันละ 1.7 ชม./วัน จากค่าเฉลี่ย 49 นาที/วัน

จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไป อันเนื่องมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ เทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ และข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วบนโลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งทางวายแอนด์อาร์พบว่า แนวโน้มของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปนี้มีประเด็นสำคัญที่ธุรกิจควรจับตามอง ใน 5 พฤติกรรมของผู้บริโภค คือ

1. “เวลา คือ สินทรัพย์มีค่าในยุคชีวิตติดสบาย” จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคเร่งรีบมากขึ้น มีเวลาน้อยลง แสวงหาความรวดเร็ว เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และสะดวกสบาย ทำให้นักการตลาดต้องปรับตัวในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ โดยเฉพาะการให้บริการ 2.“ยุคผู้บริโภคช่างคิด ท้าทายคุณค่าของแบรนด์ได้ทุกสถานการณ์” กล่าว คือ แบรนด์สินค้าจะต้องเข้าถึงไลฟ์สไตล์และความเป็นตัวตนของลูกค้าแต่ละคนให้มากขึ้น ผู้บริโภคต้องการใกล้ชิดกับแบรนด์สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเป็นส่วนหนึ่งหรือมีส่วนร่วมกับแบรนด์ในทางใดทางหนึ่ง

3. “บริโภคด้วยจิตสาธารณะ ใส่ใจมากกว่าเรื่องใกล้ตัว” อันเนื่องมาจากกระแสโกลบอลวอร์มมิ่ง ทำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่งผลต่อการเลือกซื้อสินค้าและบริการที่ควรให้ความสำคัญกับโลกใบนี้เช่นกัน 4. “ผู้บริโภครู้ทันแบรนด์ มองหาความจริงใจไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ” ปัจจุบันเทคโนโลยีและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารส่งผลต่อกลุ่มผู้บริโภคให้ได้รับข้อเท็จจริงในตัวสินค้ามากขึ้น ฉลาดขึ้น ไม่เชื่อในตัวพรีเซนเตอร์ มากกว่าข้อมูลจริงของสินค้านั้นๆ และ5. “ใฝ่หาประสบการณ์ใหม่ สนใจในแบรนด์ไม่หยุดนิ่ง” ด้วยความที่เข้าถึงสื่อได้ตลอดเวลา การสื่อสารในรูปแบบเดิมอันจะไม่ได้รับความสนใจ ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนารูปแบบการใช้สื่อโฆษณาให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นสื่อโฆษณาเดิมๆก็ตาม

นายกิตติพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับในประเทศไทย พบว่า เทรนด์ข้อที่ 2 คือ ยุคผู้บริโภคช่างคิด ท้าทายคุณค่าของแบรนด์ได้ทุกสถานการณ์ เป็นกระแสที่มาแรงสุด และช่วงปีที่ผ่านมา เราจะพบว่าสื่อโฆษณาที่ออกมาจะเริ่มทำแคมเปญตอบโจทย์ดังกล่าวไปบ้างแล้ว ขณะที่ปัจจุบันลูกค้าเองก็หันมาใช้บริการเอเจนซี่โฆษณา ตั้งแต่การวางกลยุทธ์มากขึ้น ไม่ใช่เพียงชิ้นงานโฆษณาเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น