ส่งออก ก.ค.ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ยอดทะลุ 2.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 38.3% สินค้าเกษตรและอาหารเป็นพระเอกเช่นเดิม ส่วน 7 เดือนโตทะลุ 25.7% แล้ว มั่นใจทั้งปีเกินเป้า 15% แน่
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือน ก.ค.2554 มีมูลค่า 21,521 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 38.3% ซึ่งเป็นยอดการส่งออกที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้ในเดือน มี.ค.2554 ที่ผ่านมา ที่ส่งออกได้มูลค่า 21,259.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 652,087 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.4% ส่วนยอดรวม 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 136,499 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25.7% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 4,113,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.9%
การนำเข้าในเดือน ก.ค.มีมูลค่า 18,723 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 13.5% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 547,433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% ยอดรวม 7 เดือน มีมูลค่า 130,254 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 26.1% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 3,973,541 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3% โดยในเดือนก.ค. เกินดุลการค้า 2,798 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเกินดุลรวม 7 เดือน 6,244 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ การส่งออกเดือน ก.ค.ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 38.3% เป็นเพราะกลุ่มสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้นสูงถึง 53.5% โดยสินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว เพิ่มขึ้น 110.6% ยางพารา 69.3% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 47.4% และสินค้าอาหาร 30% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 34.9% สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้น 15.6% เครื่องใช้ไฟฟ้า 12.3% ยานยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ 15.6% เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์ 30.1% สิ่งทอ 9.3% วัสดุก่อสร้าง 21.1% อัญมณีและเครื่องประดับ 302% โดยเฉพาะทองคำเพิ่มขึ้น 3,919%
สำหรับตลาดส่งออกในเดือน ก.ค.ยังขยายตัวได้ดีทุกตลาด โดยตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้น 21.4% โดยสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 35.5% และ 23% แม้ว่าตลาดอียูจะมีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของบางประเทศก็ตาม ส่วนสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้ 8.1% แต่ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ตลาดศักยภาพสูง เพิ่มขึ้น 47% เป็นการเพิ่มขึ้นในตลาดจีน ฮ่องกง อาเซียน 9 อินเดีย และไต้หวัน ที่เพิ่มขึ้น 83.8%, 61.2%, 34.7%, 31.2% และ 24.3% ตามลำดับ และตลาดศักยภาพรอง เพิ่มขึ้น 28.4% โดยส่งออกไปรัสเซียและ CIS และแอฟริกา เพิ่มขึ้น 128.7% และ 47.6% รวมถึงทวีปออสเตรเลียที่กลับมาส่งออกเพิ่มขึ้น 38.3%
ทางด้านการส่งออกในช่วง 7 เดือนขยายตัวได้สูงถึง 25.7% เกินไปกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 15% แล้ว และมั่นใจว่า ทั้งปีก็น่าจะเกินเป้า โดยจะยังไม่ปรับเป้า เพราะเป็นเป้าทำงาน ถ้าทำได้มากกว่าเป้าก็ดี อีกทั้งรัฐบาลไม่ได้เน้นในเรื่องการส่งออกมากนัก โดยหันมามาเน้นการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ หากส่งออกทำได้เพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งเป็นส่วนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือน ก.ค.2554 มีมูลค่า 21,521 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 38.3% ซึ่งเป็นยอดการส่งออกที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้ในเดือน มี.ค.2554 ที่ผ่านมา ที่ส่งออกได้มูลค่า 21,259.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 652,087 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.4% ส่วนยอดรวม 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 136,499 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25.7% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 4,113,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.9%
การนำเข้าในเดือน ก.ค.มีมูลค่า 18,723 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 13.5% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 547,433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% ยอดรวม 7 เดือน มีมูลค่า 130,254 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 26.1% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 3,973,541 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3% โดยในเดือนก.ค. เกินดุลการค้า 2,798 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเกินดุลรวม 7 เดือน 6,244 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ การส่งออกเดือน ก.ค.ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 38.3% เป็นเพราะกลุ่มสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้นสูงถึง 53.5% โดยสินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว เพิ่มขึ้น 110.6% ยางพารา 69.3% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 47.4% และสินค้าอาหาร 30% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 34.9% สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้น 15.6% เครื่องใช้ไฟฟ้า 12.3% ยานยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ 15.6% เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์ 30.1% สิ่งทอ 9.3% วัสดุก่อสร้าง 21.1% อัญมณีและเครื่องประดับ 302% โดยเฉพาะทองคำเพิ่มขึ้น 3,919%
สำหรับตลาดส่งออกในเดือน ก.ค.ยังขยายตัวได้ดีทุกตลาด โดยตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้น 21.4% โดยสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 35.5% และ 23% แม้ว่าตลาดอียูจะมีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของบางประเทศก็ตาม ส่วนสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้ 8.1% แต่ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ตลาดศักยภาพสูง เพิ่มขึ้น 47% เป็นการเพิ่มขึ้นในตลาดจีน ฮ่องกง อาเซียน 9 อินเดีย และไต้หวัน ที่เพิ่มขึ้น 83.8%, 61.2%, 34.7%, 31.2% และ 24.3% ตามลำดับ และตลาดศักยภาพรอง เพิ่มขึ้น 28.4% โดยส่งออกไปรัสเซียและ CIS และแอฟริกา เพิ่มขึ้น 128.7% และ 47.6% รวมถึงทวีปออสเตรเลียที่กลับมาส่งออกเพิ่มขึ้น 38.3%
ทางด้านการส่งออกในช่วง 7 เดือนขยายตัวได้สูงถึง 25.7% เกินไปกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 15% แล้ว และมั่นใจว่า ทั้งปีก็น่าจะเกินเป้า โดยจะยังไม่ปรับเป้า เพราะเป็นเป้าทำงาน ถ้าทำได้มากกว่าเป้าก็ดี อีกทั้งรัฐบาลไม่ได้เน้นในเรื่องการส่งออกมากนัก โดยหันมามาเน้นการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ หากส่งออกทำได้เพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งเป็นส่วนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
