"บิ๊ก ส.อ.ท." เซ็งเป็ด "ธีระชัย" ไม่เข้าใจภาคการผลิต หลังบอกขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มแค่รอบเดียว ผู้ประกอบการยอมรับภาระค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นจากกำไรที่ลดลงได้ โดยไม่ต้องขึ้นราคาสินค้า ลั่นไม่ใช่ตลาดทุนที่มีกำไรเยอะ หรือรายใหญ่ที่สามารถกำหนดราคาเองได้ พร้อมยืนยัน ทำต้นทุนเพิ่ม 12-16% ต้องขึ้นราคาสินค้าในอัตราเดียวกัน
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีที่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกรทรวงการคลัง ระบุว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นเพียงรอบเดียว และผู้ประกอบการส่วนหนึ่งจะสามารถรับภาระค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นจากกำไรที่ลดลงได้ โดยไม่ต้องขึ้นราคาสินค้านั้น ทาง ส.อ.ท.และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้ทำการสำรวจจากผู้ประกอบการแล้วพบว่า การขึ้นค่าแรงดังกล่าวทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 12-16% และส่งผ่านต้นทุนดังกล่าวไปที่ราคาสินค้าแน่นอน เนื่องจากธุรกิจในกลุ่มขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) 70-80% ที่ไม่ได้มีกำไรมากพอในการแบกรับภาระเพิ่ม
"รมว.คลังมองฐานะพรรคเพื่อไทยต้องการสานนโยบายจุดนี้ เข้าใจได้ว่าเป็นคนที่มองตลาดทุนกับหุ้นตัวกำไรของธุรกิจจะเยอะมาก แต่ภาคธุรกิจที่แท้จริง (เรียลเซคเตอร์) ต้องมองหลายมิติ เริ่มตั้งแต่วัตถุดิบ กลางน้ำ ปลายน้ำ เมื่อค่าแรงขึ้นจะกระทบเป็นทอดๆ นอกจากนี้เอสเอ็มอีไทยส่วยใหญ่เป็นผู้รับจ้างผลิตต้องแข่งขันกับเพื่อนบ้าน ไม่สามารถกำหนดราคาสินค้าได้เองเช่นรายใหญ่"
นอกจากธุรกิจไทยส่วนใหญ่เป็นผู้รับจ้างผลิตจะต้องแข่งขันกับตลาดเพื่อนบ้านจึงไม่สามารถกำหนดราคาสินค้าได้เองเช่นรายใหญ่ที่มีนวตกรรมขั้นสูงทำให้ราคาสินค้าแพงมีกำไรมากพอที่จะลดผลกำไรลง ขณะเดียวกันการจำหน่ายในประเทศก็จะต้องแข่งขันกับสินค้าจีนมากขึ้นหากต้นทุนสูงแล้วผลักภาระไปที่ราคาสินค้าไม่ได้ก็เท่ากับต้องปิดกิจการในที่สุด