ส.โรงแรมไทยเตรียมชงเรื่องสร้างโรงแรมในพื้นที่ท่องเที่ยวเสนอรัฐบาลชุดใหม่ กันปัญหาจำนวนห้องพักเกินความต้องการ
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสมาคมได้เตรียมยื่นเรื่องเสนอแก่รัฐบาลชุดใหม่ ให้เร่งศึกษาพื้นที่ท่องเที่ยวในเชิงลึกว่า พื้นที่ใดยังมีโอกาสสร้างโรงแรมได้อีก และพื้นที่ใดที่มีจำนวนโรงแรมเต็มความต้องการ หรือเกินความต้องการแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจำนวนห้องพักเกินความต้องการในพื้นที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่มีปัญหา โดยสมาคมฯเคยเสนอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งศึกษาเรื่องนี้มาแล้วเมื่อ 3-4 ปีก่อนที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงฯ ก็เคยเตรียมศึกษา แต่จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีการดำเนินการศึกษาอย่างจริงจังเลย ทั้งที่การศึกษาเรื่องนี้ควรทำทันที เนื่องจากไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ใช้เวลาสั้นๆ ก็จะสำเร็จ
ก่อนหน้านี้ นายอักกพล พฤกษะวัน ที่ปรึกษาระดับ 11 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.ได้กล่าวไว้ว่า ต้องการเห็นภาครัฐจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ ทั้งการจัดระเบียบการใช้ที่ดิน แบ่งให้ชัดเจนว่า พื้นที่ใดควรเปิดให้ลงทุนสร้างที่พัก หรือแหล่งท่องเที่ยวได้แค่ไหน พื้นที่ใดที่มีจำนวนที่พักมากจนเกินความต้องการแล้ว พื้นที่ใดยังลงทุนได้อยู่ เพื่อลดปัญหาจำนวนที่พักล้นตลาด ทำให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันลดราคาที่พัก แย่งลูกค้ากันเอง จนไม่สามารถใช้กลไกตลาดที่แปลกใหม่ ไปทำตลาดแข่งขันกับคู่แข่งในต่างประเทศได้
ล่าสุด มีโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 9,800 กว่าแห่งทั่วประเทศ จำนวนห้องพักรวมกันกว่า 400,000 ห้อง ยังไม่นับรวมโรงแรม ที่พักที่ไม่จดทะเบียน ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการในภาคท่องเที่ยวที่มีอยู่เดิมขยายการลงทุน แต่มีผู้ประกอบการจากภาคธุรกิจอื่นๆ หันมาลงทุนในภาคท่องเที่ยวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมยังเตรียมหารือกับที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมครั้งต่อไป กรณีที่โรงแรมได้รับใบแจ้งหนี้ค่าไฟเพิ่มขึ้นถึง 0.12 บาทต่อหน่วย สำหรับใบแจ้งหนี้เดือน ส.ค.ส่งผลให้บางโรงแรมต้องจ่ายค่าไฟสูงถึง 4.6 ล้านบาท โดย จะสอบถามว่ามีโรงแรมใดได้รับทราบมาก่อนหรือไม่ว่าจะมีการปรับขึ้นค่าไฟ หากทุกรายระบุตรงกันว่า ไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน ก็อาจจะทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเรียกร้องให้ส่งหนังสือแจ้งผู้ประกอบการล่วงหน้าก่อนที่จะปรับขึ้นค่าไฟจริงๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เตรียมตัว
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสมาคมได้เตรียมยื่นเรื่องเสนอแก่รัฐบาลชุดใหม่ ให้เร่งศึกษาพื้นที่ท่องเที่ยวในเชิงลึกว่า พื้นที่ใดยังมีโอกาสสร้างโรงแรมได้อีก และพื้นที่ใดที่มีจำนวนโรงแรมเต็มความต้องการ หรือเกินความต้องการแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจำนวนห้องพักเกินความต้องการในพื้นที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่มีปัญหา โดยสมาคมฯเคยเสนอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งศึกษาเรื่องนี้มาแล้วเมื่อ 3-4 ปีก่อนที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงฯ ก็เคยเตรียมศึกษา แต่จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีการดำเนินการศึกษาอย่างจริงจังเลย ทั้งที่การศึกษาเรื่องนี้ควรทำทันที เนื่องจากไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ใช้เวลาสั้นๆ ก็จะสำเร็จ
ก่อนหน้านี้ นายอักกพล พฤกษะวัน ที่ปรึกษาระดับ 11 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.ได้กล่าวไว้ว่า ต้องการเห็นภาครัฐจัดระเบียบพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ ทั้งการจัดระเบียบการใช้ที่ดิน แบ่งให้ชัดเจนว่า พื้นที่ใดควรเปิดให้ลงทุนสร้างที่พัก หรือแหล่งท่องเที่ยวได้แค่ไหน พื้นที่ใดที่มีจำนวนที่พักมากจนเกินความต้องการแล้ว พื้นที่ใดยังลงทุนได้อยู่ เพื่อลดปัญหาจำนวนที่พักล้นตลาด ทำให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันลดราคาที่พัก แย่งลูกค้ากันเอง จนไม่สามารถใช้กลไกตลาดที่แปลกใหม่ ไปทำตลาดแข่งขันกับคู่แข่งในต่างประเทศได้
ล่าสุด มีโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 9,800 กว่าแห่งทั่วประเทศ จำนวนห้องพักรวมกันกว่า 400,000 ห้อง ยังไม่นับรวมโรงแรม ที่พักที่ไม่จดทะเบียน ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการในภาคท่องเที่ยวที่มีอยู่เดิมขยายการลงทุน แต่มีผู้ประกอบการจากภาคธุรกิจอื่นๆ หันมาลงทุนในภาคท่องเที่ยวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมยังเตรียมหารือกับที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมครั้งต่อไป กรณีที่โรงแรมได้รับใบแจ้งหนี้ค่าไฟเพิ่มขึ้นถึง 0.12 บาทต่อหน่วย สำหรับใบแจ้งหนี้เดือน ส.ค.ส่งผลให้บางโรงแรมต้องจ่ายค่าไฟสูงถึง 4.6 ล้านบาท โดย จะสอบถามว่ามีโรงแรมใดได้รับทราบมาก่อนหรือไม่ว่าจะมีการปรับขึ้นค่าไฟ หากทุกรายระบุตรงกันว่า ไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน ก็อาจจะทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเรียกร้องให้ส่งหนังสือแจ้งผู้ประกอบการล่วงหน้าก่อนที่จะปรับขึ้นค่าไฟจริงๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เตรียมตัว