อคส.เปิดแผนธุรกิจข้าวถุงเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ รีแบรนด์ร้านค้าปลีกชิงส่วนแบ่งตลาด

บิ๊ก อคส.ยันความพร้อมลุยโครงการรับจำนำข้าว เตรียมลงทุน 1.2 พันล้าน สร้างไซโลไฮเทคเก็บข้าวได้นานกว่า 1 ปี เปิดแผนธุรกิจข้าวถุงเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ พร้อมรีแบรนด์ร้านค้าปลีกให้ทันสมัย เพื่อกระจายสินค้าตรงสู่มือผู้บริโภค

นายอนุกูล แต้มประเสริฐ ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า อคส.พร้อมดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวตามนโยบายของรัฐบาลใหม่ เพราะมีความพร้อมทั้งบุคคลและระบบไอที รวมทั้งจะเน้นดูแลเรื่องปัญหาทุจริต นอกเหนือจากการทำหน้าที่จำนำเพียงอย่างเดียว อคส.ก็พร้อมเป็นผู้จำหน่าย เพราะมีโรงสีที่เข้าร่วมกับ อคส.กว่า 100 โรงสี และมีโรงบรรจุภัณฑ์ 2 แห่ง มีกำลังการผลิตข้าวถุง 1 ล้านถุง จากคลังเก็บข้าว 800 หลัง จัดเก็บข้าวได้ถึง 9 ล้านตัน

อคส.เห็นว่า ควรมีการจัดเก็บข้าวให้เป็นระบบ ด้วยการสร้างไซโลเพื่อการรักษาคุณภาพข้าว ให้นานกว่า 1 ปี ให้ข้าวไทยมีคุณภาพ เบื้องต้นการสร้างไซโลจัดเก็บข้าว 1 ล้านตัน ใช้งบประมาณ 1,200 ล้านบาท ไม่รวมพื้นที่ ซึ่ง อคส.พร้อมดำเนินการ หากรัฐบาลใหม่มอบหมายให้ แต่ต้องของบประมาณ และเพิ่มทุนให้ อคส.

ขณะเดียวกัน อคส.เปิดจำหน่ายข้าวสารซะกาตฟิฏเราะฮฺ เริ่มในเดือนสิงหาคม 2554 นี้ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนในการปฏิบัติตามหลักศาสนาให้กับชาวมุสลิม โดยจัดทำข้าวสารที่มีคุณภาพ จำนวน 100,000 ถุง เป็นข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปริมาณ 2.5 กิโลกรัม ราคา 85 บาท และ ข้าวขาว ปริมาณ 2.5 กิโลกรัม ราคา 60 บาท คาดว่า จะมีรายได้จากการจำหน่าย ประมาณ 1 ล้านบาทเศษ ซึ่ง อคส.ดำเนินการเป็นโครงการนำร่อง

หลังจากนั้น จะมีการพัฒนาการจำหน่ายข้าวถุงอีกหลายชนิด เช่น ข้าวกล้องอินทรีย์ ข้าวสังข์หยด เป็นเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ โดยจะมีร้านค้าจำหน่ายสินค้า อคส.ทั้ง ข้าว น้ำตาล น้ำมันพืช 200 ร้านค้า ภายใน 2-3 เดือน นอกเหนือจากการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่ง อคส.จะดำเนินการรีแบรนด์นิงร้านค้า อคส.ใหม่ ขยายความร่วมมือไปยังร้านค้าสหกรณ์ เพื่อกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคให้มากที่สุด คาดจะจำหน่ายข้าว อคส. 500,000 ถุง ในช่วง 2-3 เดือน

ทั้งนี้ ซะกาตฟิฏเราะฮฺ คือ ทานที่จำเป็นจะต้องจ่ายอันเนื่องมาจากหมดภาระการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ซะกาตฟิฏเราะฮฺ จำเป็นแก่มุสลิมทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เพศชายเพศหญิง เพื่อขัดเกลาตนเอง และมีส่วนเสริมข้อบกพร่องผลบุญของการถือศีลอดให้สมบูรณ์ แต่ผู้ที่เป็นผู้จ่ายนั้นคือหัวหน้าครอบครัว โดยต้องจ่ายให้กับตัวเองก่อนและคนในครอบครัวทุกคนและคนที่ต้องรับผิดชอบด้วย โดยปริมาณที่ต้องจ่ายคนละ ประมาณ 2.5 กิโลกรัม โดยจะต้องจ่ายก่อนไปละหมาดในวันตรุษอีดิ้ลฟิตร หรือวันละศีลอดให้กับคนยากจน