ห้างเซ็นทรัล ฟุ้งยอดขายครึ่งปีแรกพุ่ง 30% สูงสุดในรอบ 5 ปี แม้ปิดสาขาลาดพร้าว และ เซน ที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ เตรียมทุ่มอีก 900 ล้านบาท ลุยกิจกรรมการตลาดต่อเนื่อง หวังดันยอดขายเพิ่ม
นางยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีรายได้เติบโต 30% ไม่นับรวมสาขาลาดพร้าว และ เซน ที่ปิดให้บริการไป เนื่องจากอยู่ระหว่างการปิดปรับปรุง ซึ่งการเติบโตดังกล่าวถือว่าสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นภายหลังจากการเมืองมีความชัดเจน ผู้บริโภคจึงมั่นใจในการออกมาจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้สินค้าทุกแผนกของบริษัทมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทได้เตรียมงบ 800-900 ล้านบาท ในการทำตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งภายหลังจากเดินหน้าทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสาขาลาดพร้าวจะเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือน ส.ค.และห้างสรรพสินค้าเซนจะเปิดให้บริการในเดือน พ.ย.บริษัทคาดว่า จะส่งผลให้สิ้นปีนี้มีรายได้อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 4-5% แต่หากไม่นับรวมสาขาลาดพร้าวและเซนคาดว่าจะเติบโตได้ที่ 30%
“เดิมบริษัทคาดการณ์ผลประกอบการรวมครึ่งปีแรกไม่มีการเติบโต เนื่องจากปิดบริการ 2 สาขาใหญ่ แต่กลับมีอัตราการเติบโตได้ที่ 3-4% ซึ่งถือว่าเกินเป้าหมายเดิมที่วางไว้ เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจหลังจากที่การเมืองเริ่มมีเสถียรภาพ ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งจบลง คาดว่าจะส่งผลให้ครึ่งปีหลังผู้บริโภคน่าจะมีกำลังซื้อที่ดีขึ้น” นางยุวดี กล่าว
ล่าสุด บริษัทได้ใช้งบ 60 ล้านบาท ในการจัดงาน “เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอตช์ แฟร์ 2011” ครั้งที่ 13 ด้วยการนำนาฬิการะดับเวิลด์คลาสกว่า 180 แบรนด์ รวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท มาแสดงและจำหน่ายในราคาพิเศษ พร้อมกันนี้ ยังได้นำคอลเลคชั่นมาสเตอร์พีซ คอลเลคชั่นผลิตพิเศษ หรือลิมิเต็ดเอดิชั่น คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของปี 2011 จากงานบาเซิลเวิลด์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาร่วมแสดงเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย
ทั้งนี้ ภายหลังจากจบงานดังกล่าว ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-23 ส.ค.นี้ บริเวณล็อบบี้เลานจ์ และโถงเปียโน ชั้น 1 ห้างเซ็นทรัลชิดลม คาดว่า จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 10%
นางยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีรายได้เติบโต 30% ไม่นับรวมสาขาลาดพร้าว และ เซน ที่ปิดให้บริการไป เนื่องจากอยู่ระหว่างการปิดปรับปรุง ซึ่งการเติบโตดังกล่าวถือว่าสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นภายหลังจากการเมืองมีความชัดเจน ผู้บริโภคจึงมั่นใจในการออกมาจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้สินค้าทุกแผนกของบริษัทมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทได้เตรียมงบ 800-900 ล้านบาท ในการทำตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งภายหลังจากเดินหน้าทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสาขาลาดพร้าวจะเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือน ส.ค.และห้างสรรพสินค้าเซนจะเปิดให้บริการในเดือน พ.ย.บริษัทคาดว่า จะส่งผลให้สิ้นปีนี้มีรายได้อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 4-5% แต่หากไม่นับรวมสาขาลาดพร้าวและเซนคาดว่าจะเติบโตได้ที่ 30%
“เดิมบริษัทคาดการณ์ผลประกอบการรวมครึ่งปีแรกไม่มีการเติบโต เนื่องจากปิดบริการ 2 สาขาใหญ่ แต่กลับมีอัตราการเติบโตได้ที่ 3-4% ซึ่งถือว่าเกินเป้าหมายเดิมที่วางไว้ เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจหลังจากที่การเมืองเริ่มมีเสถียรภาพ ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งจบลง คาดว่าจะส่งผลให้ครึ่งปีหลังผู้บริโภคน่าจะมีกำลังซื้อที่ดีขึ้น” นางยุวดี กล่าว
ล่าสุด บริษัทได้ใช้งบ 60 ล้านบาท ในการจัดงาน “เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอตช์ แฟร์ 2011” ครั้งที่ 13 ด้วยการนำนาฬิการะดับเวิลด์คลาสกว่า 180 แบรนด์ รวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท มาแสดงและจำหน่ายในราคาพิเศษ พร้อมกันนี้ ยังได้นำคอลเลคชั่นมาสเตอร์พีซ คอลเลคชั่นผลิตพิเศษ หรือลิมิเต็ดเอดิชั่น คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของปี 2011 จากงานบาเซิลเวิลด์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาร่วมแสดงเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย
ทั้งนี้ ภายหลังจากจบงานดังกล่าว ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-23 ส.ค.นี้ บริเวณล็อบบี้เลานจ์ และโถงเปียโน ชั้น 1 ห้างเซ็นทรัลชิดลม คาดว่า จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 10%