ค้าปลีกฉลุย ไตรมาสแรกยอดขายพุ่ง “เซ็นทรัล-เดอะมอลล์-วัตสัน” ปลื้มโตเกินเป้า หวังลุ้นไตรมาสสองยังโตต่อเนื่อง
นางวัลยา จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจและโครงการก่อสร้าง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้า เซ็นทรัลพลาซา กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรกปี 2554 นี้ ผลประกอบการของซีพีเอ็นเป็นไปตามเป้า อีกทั้งยังมีปริมาณลูกค้าเดินเข้าศูนย์ฯรวมทุกสาขาของบริษัท 1.2 ล้านคนต่อวัน หรือเพิ่ม 5% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
ส่วนไตรมาสที่สองปีนี้ บริษัทวางงบการตลาด 300 ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมต่อเนื่องรวมทั้งช่วงสงกรานต์นี้ด้วย จากงบการตลาดทั้งปีนี้ 700 ล้านบาท เพราะไตรมาสสองคาดว่าสถานการณ์ต่างๆ จะเริ่มดีขึ้นกว่าช่วงไตรมาสแรก อีกทั้งต่างประเทศหลายแห่งมีวิกฤตการณ์ทั้งทางด้านการเมือง ภัยพิบัติ ส่งผลให้คนไทยหันมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ส่งผลดีต่อกำลังซื้อที่หมุนเวียนในไทยมากขึ้น และปีนี้จะมีการเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้นคาดว่าเป็นช่วงกลางปี จะส่งผลต่อเงินจะสะพัด ทำให้การจับจ่ายคึกคัก โดยยอดการบริโภคในประเทศจะเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงปกติ
เหตุการณ์สึนามิถล่มญี่ปุ่นและเกิดแผ่นดินไหว นางวัลยา มองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นคงไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนักกับซีพีเอ็น เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้สัดส่วนลูกค้าที่เดินเที่ยวในศูนย์ของบริษัทฯเป็นคนไทย 65% และต่างชาติ 35% และในกลุ่มต่างชาติมีหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่เป็นสิงคโปร์ และฮ่องกง แต่กลุ่มญี่ปุ่นเพียง 3% และส่วนใหญ่จะเป็นชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในไทย
ล่าสุด บริษัทเตรียมเปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย ในวันที่ 30 มีนาคมนี้ เป็นสาขาที่ 16 และปีนี้จะเปิดอีก 2 แห่งที่ เซ็นทรัลพลาซา พิษณุโลก เซ็นทรัลพลาซา พระรามเก้า ส่วนปี 2555 จะเปิดอีก 2 สาขา คือ เซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานี และเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสาขาที่สองในเชียงใหม่
สำหรับเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย ใช้งบลงทุน 2,400 ล้านบาท พื้นที่ 52 ไร่ เป็นพื้นที่ค้าปลีก 110,000 ตารางเมตร โดยเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง เป็นเมืองท่องเที่ยว สร้างเป็นอาคารสูง 3 ชั้น มีร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน
“วัตสัน” ปลื้มโอวน์แบรนด์พุ่ง
นายโทบี้ แอนเดอร์สัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จำกัด ผู้บริหารร้านสินค้าสุขภาพและความงาม “วัตสัน” เปิดเผยว่า ผลประกอบการของวัตสันในปีที่แล้ว (2553) มียอดขายเติบโตง โดยกลุ่มที่โตสูงที่สุด คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 12.1% ส่วนกลุ่มที่เติบโตรองลงมา คือ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 8.9% ส่วนสินค้าโอวน์แบรนด์ หรือสินค้าแบรนด์วัตสันเองนั้นมีการเติบโต 20%
ปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการดีมาจากการขยายสาขาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายและมากขึ้น โดยปีที่แล้วเปิดสาขาใหม่ 24 แห่ง การพัฒนาสินค้าใหม่ๆออกสู่ตลาดต่อเนื่อง เช่น ชุดผลิตภัณฑ์เวชสำอาง “วัตสันเดอมาแอคชันพลัส” กลุ่มอาหารเสริมเพื่อสุขภาพชนิดเม็ด “วัตสันวิตามิน” รวมทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลผิว “เอชเบลล่า” เป็นต้น
แผนธุรกิจปีนี้ วัตสันตั้งงบลงทุน 210ล้านบาท วางแผนเปิดสาขาใหม่อีก 30 แห่ง จากปัจจุบันมีรวม 180 สาขา รวมทั้งจะทำการรีโนเวทสาขาเก่า ให้มีความทันสมัยด้วยการออกสินค้าใหม่ๆ ของแบรนด์วัตสันเอง ขณะเดียวกัน จะทำกิจกรรมการตลาดมากขึ้น การขยายสมาชิกบัตรวัตสันการ์ด ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกรวม 600,000 คน โดยตั้งเป้าปีนี้จะเพิ่มรวมเป็น 850,000 ราย
เดอะมอลล์ปลื้มไตรมาสแรกโต 10%
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ไตรมาสหนึ่งปีนี้ถือว่าดีมาก ภาพรวมโต 10% หรือราว 11,000 ล้านบาท เป็นการเติบโต 2 หลักในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน และสูงกว่าเป้าที่วางไว้ทั้งปีว่าน่าจะโต 5% หรือกว่า 42,000 ล้านบาท ส่วนกลุ่มสินค้าที่เติบโต 5 อันดับแรก คือ กลุ่มเครื่องเสียงออดิโอ และวิดีโอ, เครื่องแต่งกายชาย, เทคโฮม ของกินของใช้, บิวตี้ ความงาม และลีฟวิ่ง ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า กลุ่มลูกค้าของทางเดอะมอลล์ มีอายุลดลง ปีนี้ทางบริษัทจึงใช้สื่อออนไลน์สัดส่วน 20% และออฟไลน์ 80% ภายใต้งบ 10 ล้านบาท จากงบทำโฆษณา 600 ล้านบาท ขณะที่งบการตลาดปีนี้ 2,000 ล้านบาท และในช่วงซัมเมอร์นี้ ทางบริษัททุ่มงบกว่า 150 ล้านบาท จัดแคมเปญ ซาลูท ซัมเมอร์ และจะมี 2-3 แคมเปญย่อย ล่าสุด ใช้งบ 75 ล้านบาท จัดแคมเปญ ซัมเมอร์ มิดไนท์ เซล ลดราคาสินค้าทั้ง 3 ศูนย์ สูงสุด 70% เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.-3 เม.ย.นี้ คาดว่า เงินสะพัด 800 ล้านบาท
นายปรีชา กล่าวต่อว่า สำหรับช่วงซัมเมอร์ หรือไตรมาสสองนี้ มองว่า ถ้าไม่มีการชุมนุม และผู้บริโภคยังมีอารมณ์ในการจับจ่าย เชื่อว่า ภาพรวมการเติบโตจะยังเป็นตัวเลข 2 หลักได้ ถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์สึนามิเกิดขึ้น แต่ในแง่ของยอดขาย ไม่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะที่เอ็มโพเรียม ยังเติบโตได้ดีอยู่ และยังเชื่อว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ จะทำให้ซัมเมอร์ปีนี้คนไทยนิยมเที่ยวในประเทศ หรือออกมาใช้จ่ายมากขึ้น คาดว่า กลุ่มสินค้าประเภทเครื่องเสียงและสินค้าหน้าร้อนจะได้รับความสนใจสูง
นางวัลยา จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจและโครงการก่อสร้าง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้า เซ็นทรัลพลาซา กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรกปี 2554 นี้ ผลประกอบการของซีพีเอ็นเป็นไปตามเป้า อีกทั้งยังมีปริมาณลูกค้าเดินเข้าศูนย์ฯรวมทุกสาขาของบริษัท 1.2 ล้านคนต่อวัน หรือเพิ่ม 5% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
ส่วนไตรมาสที่สองปีนี้ บริษัทวางงบการตลาด 300 ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมต่อเนื่องรวมทั้งช่วงสงกรานต์นี้ด้วย จากงบการตลาดทั้งปีนี้ 700 ล้านบาท เพราะไตรมาสสองคาดว่าสถานการณ์ต่างๆ จะเริ่มดีขึ้นกว่าช่วงไตรมาสแรก อีกทั้งต่างประเทศหลายแห่งมีวิกฤตการณ์ทั้งทางด้านการเมือง ภัยพิบัติ ส่งผลให้คนไทยหันมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ส่งผลดีต่อกำลังซื้อที่หมุนเวียนในไทยมากขึ้น และปีนี้จะมีการเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้นคาดว่าเป็นช่วงกลางปี จะส่งผลต่อเงินจะสะพัด ทำให้การจับจ่ายคึกคัก โดยยอดการบริโภคในประเทศจะเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงปกติ
เหตุการณ์สึนามิถล่มญี่ปุ่นและเกิดแผ่นดินไหว นางวัลยา มองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นคงไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนักกับซีพีเอ็น เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้สัดส่วนลูกค้าที่เดินเที่ยวในศูนย์ของบริษัทฯเป็นคนไทย 65% และต่างชาติ 35% และในกลุ่มต่างชาติมีหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่เป็นสิงคโปร์ และฮ่องกง แต่กลุ่มญี่ปุ่นเพียง 3% และส่วนใหญ่จะเป็นชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในไทย
ล่าสุด บริษัทเตรียมเปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย ในวันที่ 30 มีนาคมนี้ เป็นสาขาที่ 16 และปีนี้จะเปิดอีก 2 แห่งที่ เซ็นทรัลพลาซา พิษณุโลก เซ็นทรัลพลาซา พระรามเก้า ส่วนปี 2555 จะเปิดอีก 2 สาขา คือ เซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานี และเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสาขาที่สองในเชียงใหม่
สำหรับเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย ใช้งบลงทุน 2,400 ล้านบาท พื้นที่ 52 ไร่ เป็นพื้นที่ค้าปลีก 110,000 ตารางเมตร โดยเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูง เป็นเมืองท่องเที่ยว สร้างเป็นอาคารสูง 3 ชั้น มีร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน
“วัตสัน” ปลื้มโอวน์แบรนด์พุ่ง
นายโทบี้ แอนเดอร์สัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จำกัด ผู้บริหารร้านสินค้าสุขภาพและความงาม “วัตสัน” เปิดเผยว่า ผลประกอบการของวัตสันในปีที่แล้ว (2553) มียอดขายเติบโตง โดยกลุ่มที่โตสูงที่สุด คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 12.1% ส่วนกลุ่มที่เติบโตรองลงมา คือ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 8.9% ส่วนสินค้าโอวน์แบรนด์ หรือสินค้าแบรนด์วัตสันเองนั้นมีการเติบโต 20%
ปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการดีมาจากการขยายสาขาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายและมากขึ้น โดยปีที่แล้วเปิดสาขาใหม่ 24 แห่ง การพัฒนาสินค้าใหม่ๆออกสู่ตลาดต่อเนื่อง เช่น ชุดผลิตภัณฑ์เวชสำอาง “วัตสันเดอมาแอคชันพลัส” กลุ่มอาหารเสริมเพื่อสุขภาพชนิดเม็ด “วัตสันวิตามิน” รวมทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลผิว “เอชเบลล่า” เป็นต้น
แผนธุรกิจปีนี้ วัตสันตั้งงบลงทุน 210ล้านบาท วางแผนเปิดสาขาใหม่อีก 30 แห่ง จากปัจจุบันมีรวม 180 สาขา รวมทั้งจะทำการรีโนเวทสาขาเก่า ให้มีความทันสมัยด้วยการออกสินค้าใหม่ๆ ของแบรนด์วัตสันเอง ขณะเดียวกัน จะทำกิจกรรมการตลาดมากขึ้น การขยายสมาชิกบัตรวัตสันการ์ด ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกรวม 600,000 คน โดยตั้งเป้าปีนี้จะเพิ่มรวมเป็น 850,000 ราย
เดอะมอลล์ปลื้มไตรมาสแรกโต 10%
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ไตรมาสหนึ่งปีนี้ถือว่าดีมาก ภาพรวมโต 10% หรือราว 11,000 ล้านบาท เป็นการเติบโต 2 หลักในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน และสูงกว่าเป้าที่วางไว้ทั้งปีว่าน่าจะโต 5% หรือกว่า 42,000 ล้านบาท ส่วนกลุ่มสินค้าที่เติบโต 5 อันดับแรก คือ กลุ่มเครื่องเสียงออดิโอ และวิดีโอ, เครื่องแต่งกายชาย, เทคโฮม ของกินของใช้, บิวตี้ ความงาม และลีฟวิ่ง ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า กลุ่มลูกค้าของทางเดอะมอลล์ มีอายุลดลง ปีนี้ทางบริษัทจึงใช้สื่อออนไลน์สัดส่วน 20% และออฟไลน์ 80% ภายใต้งบ 10 ล้านบาท จากงบทำโฆษณา 600 ล้านบาท ขณะที่งบการตลาดปีนี้ 2,000 ล้านบาท และในช่วงซัมเมอร์นี้ ทางบริษัททุ่มงบกว่า 150 ล้านบาท จัดแคมเปญ ซาลูท ซัมเมอร์ และจะมี 2-3 แคมเปญย่อย ล่าสุด ใช้งบ 75 ล้านบาท จัดแคมเปญ ซัมเมอร์ มิดไนท์ เซล ลดราคาสินค้าทั้ง 3 ศูนย์ สูงสุด 70% เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.-3 เม.ย.นี้ คาดว่า เงินสะพัด 800 ล้านบาท
นายปรีชา กล่าวต่อว่า สำหรับช่วงซัมเมอร์ หรือไตรมาสสองนี้ มองว่า ถ้าไม่มีการชุมนุม และผู้บริโภคยังมีอารมณ์ในการจับจ่าย เชื่อว่า ภาพรวมการเติบโตจะยังเป็นตัวเลข 2 หลักได้ ถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์สึนามิเกิดขึ้น แต่ในแง่ของยอดขาย ไม่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะที่เอ็มโพเรียม ยังเติบโตได้ดีอยู่ และยังเชื่อว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ จะทำให้ซัมเมอร์ปีนี้คนไทยนิยมเที่ยวในประเทศ หรือออกมาใช้จ่ายมากขึ้น คาดว่า กลุ่มสินค้าประเภทเครื่องเสียงและสินค้าหน้าร้อนจะได้รับความสนใจสูง