“สมคิด” โชว์กึ๋นอดีตขุนคลัง แนะรัฐบาลใหม่จัดรัฐมนตรีที่เหมาะสม และมีคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกลับคืน มั่นใจ ทฤษฎี 2 สูง สินค้าขึ้น-ค่าแรงเพิ่ม เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ “ธีระชัย” ปัดตัวเก็ง รมว.คลังใหม่ ยันไม่ได้รับการทาบทามจากพรรค พท.แต่อย่างใด พร้อมปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับตำแหน่ง รมต.ด้านเศรษฐกิจ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในโครงการอบรมวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยมองว่า ในวาระที่ประเทศไทยจะมีรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งได้เสียงข้างมากในสภาถึง 300 เสียง ถือว่ามีเสถียรภาพ ควรใช้โอกาสนี้จัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีประสิทธิภาพ
นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ควรสรรหาบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีที่เหมาะสม ทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างแท้จริง ไม่ได้หวังประโยชน์ทางการเมือง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของประเทศให้สูงขึ้น รวมทั้งการพิจารณาการโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการต่างๆ ให้คำนึงถึงการปรองดอง ไม่ให้ประเทศไทยต้องถดถอยเหมือนในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น
นายสมคิด มองว่า ในระยะสั้นเศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ดี เพราะไทยยังมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงกว่า 170,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่มีหนี้สาธารณะเพียงร้อยละ 42.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ที่หนี้สาธารณะสูงถึงร้อยละ 60 ส่วนการขาดดุลงบประมาณในช่วง 3-4 ปี ยังอยู่ในวิสัยที่รับได้และการส่งออกแม้อาจมีผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปยังไม่ฟื้นตัวขึ้น แต่หากไทยให้ความสำคัญในการเปิดตลาดใหม่โดยเฉพาะตลาดในเอเชียและอาเซียน
ส่วนกรณีที่รัฐบาลใหม่เตรียมรื้องบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 จากเดิมที่กำหนดให้ขาดดุลงบประมาณเพียง 350,000 ล้านบาท เป็น 400,000 ล้านบาท อดีตรองนายกรัฐมนตรี มองว่า หากรัฐบาลสามารถบริหารจัดการได้ดี เชื่อว่า จะไม่มีผลกระทบต่อฐานะการเงินการคลังของประเทศแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยต้องระมัดระวังเรื่องเสถียรภาพราคาที่มาจากราคาอาหาร และราคาพลังงาน ซึ่งปีหน้ากระทรวงพาณิชย์จะมีความสำคัญในการบริหารเรื่องดังกล่าว หากต่อไปกระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถควบคุมราคาอาหารให้ดีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ จะทำให้เกิดปัญหาอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นมาก
“สิ่งที่สำคัญ คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้เอกชน เพื่อไม่ให้เอกชนปรับขึ้นราคาสินค้าอย่างรวดเร็วเกินไป แต่หากราคาสินค้าจำเป็นต้องปรับขึ้นจริง กระทรวงการคลังจะต้องใช้นโยบายทางการเงินการคลังมาตรึงอัตราเงินเฟ้อไม่ให้สูงขึ้นจนกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศได้”
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า แม้ระยะสั้นเศรษฐกิจยังเติบโตได้ แต่ในระยะยาวจะต้องมีการปฏิรูปในหลายด้าน โดยเฉพาะภาคการเกษตร ที่ควรยกระดับการทำงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ควบคู่และวางนโยบายร่วมกับกระทรวงพลังงาน เพื่อให้ไทยมีศักยภาพด้านอาหารและพลังงานมากขึ้น และเชื่อว่า ทฤษฎี 2 สูง คือ ราคาสินค้าสูงขึ้น และ ค่าแรงสูงขึ้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่จะต้องมีพัฒนาเอกชนให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้ ผ่านการวิจัยและพัฒนาที่มีคุณภาพ
ขณะที่การปรับขึ้นค่าแรงจำเป็นต้องทำ เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เศรษฐกิจจะหมุนเวียนตามกลไกที่ดี อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีความแข็งแกร่ง สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจที่ทำได้ด้วย เพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้ภาคเอกชนเดือดร้อนได้
ด้าน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึงกระแสข่าวลือเป็นหนึ่งในตัวเก็งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยยืนยันว่า ตนเองไม่ได้รับการทาบทามจากทางพรรคเพื่อไทยให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวแต่อย่างใด
นายธีระชัย ยังได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจ และที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งรายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า นายธีระชัย จะหมดวาระในการดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.ล.ต.วาระที่ 2 ในปลายปี 2554 นี้