เอกชนติงแผนบริหารวิกฤติท่องเที่ยวไร้ทิศทาง ฉะกระทรวงฯแค่รวมเล่มแผนงานปกติ ย้ำต้องชัดเจนในขั้นตอนการแก้ไข ขณะที่กรณีนักท่องเที่ยวจีน จมน้ำที่เกาะล้าน ให้เมืองพัทยาดูแลค่าชดเชย พร้อมขอความร่วมมือเอกชน ติดเครื่องกู้ชีพ พร้อมใช้งาน
วานนี้(20ก.ค.54) การประชุมร่างแผนยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความร่วมมือการบริหารจัดการวิกฤติด้านการท่องเที่ยวไทยปี 54-58 นางธนิฎฐา เศวตศิลา มณีโชต รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประธานการประชุม เปิดเผยว่า ได้เชิญหน่วยงานรัฐและเอกชนร่วมประชุมหารือร่างแผนยุทธศาสาตร์ฯ เพื่อนำเสนอรัฐบาลใหม่ และเสนอในอีกหลายเวทีด้านการท่องเที่ยวในระดับโลก เช่น องค์การการท่องเที่ยวโลกหรือWTO และเวทีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC
โดยในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมท้วงติงว่า ร่างดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ เป็นเพียงการนำเอา แผนงานประจำมารวบรวมไว้ ซึ่งถ้าคิดจะเสนอในเวทีโลก ต้องปรับร่างโดยชูจุดเด่นให้ชัดเจนว่าขัดตอนการบริหารจัดการวิกฤติที่ทำได้รวดเร็วสุดมีอะไรบ้าง ความชัดเจนเรื่องการร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนในการทำงานในกรณีที่เกิดวิกฤต รวมถึงควรมีการจัดตั้งศูนย์กลางแก้ปัญหาระหว่างรัฐและเอกชน
นอกจากนั้นที่ประชุมยังหารือ กรณีเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวจีนที่จมน้ำเสียชีวิตที่เกาะล้าน จ.ชลบุรี เป็นผลให้ พ่อและแม่ของนักท่องเที่ยว ทำหนังสือร้องเรียนมายังรัฐบาลไทยให้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะพื้นที่ที่เกิดเหตุจัดอยู่ในเขตปลอดภัย หรือเซฟตี้โซน แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือทันทีขณะเกิดเหตุ
ในที่ประชุมครั้งนี้ ตัวแทนจาก สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน ได้เรียกร้องให้กระทรวงฯ เร่งหาแนวทางเยียวยา พร้อมจ่ายเงินชดเชย ออกกฏระเบียบให้ดูแลนักท่องเที่ยวอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะที่เกาะล้าน ซึ่งเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก ควรมีป้ายเตือนเป็นภาษาจีน เตือนนักท่องเที่ยวให้ระวัง เพราะจีนถือเป็นนักท่องเที่ยวตลาดใหญ่และมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย หากไม่เร่งแก้ไข อาจเกิดผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวจากตลาดนี้
“ที่ประชุมได้ข้อสรุปเบื้องต้น คือให้ ร้านค้า ร้านอาหาร และทุกภาคส่วน ในแหล่งท่องเที่ยว ติดตั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิต เพื่อขณะเกิดเหตุสามารถหยิบใช้ได้ทันในทุกกรณี ส่วนค่าชดเชย เมืองพัทยาได้รับไปดำเนินการ โดยจะนำเข้าที่ประชุมของเมืองพัทยาว่าจะใช้เงินจากส่วนใด”
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้แจ้งขอความร่วมมือหน่วยงานในพื้นที่ไปศึกษาสาเหตุที่มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตครั้งนี้ว่า มีสาเหตุจากสิ่งใด เช่น ชายหาดลึกเกินไปหรือไม่ เพื่อจะได้หาทุ่นเตือนภัยมาปักวาง พร้อมเตือนระวังเพิ่มเติม เพิ่มกำลังการ์ดดูแล เป็นต้น ส่วนชายหาดที่เป็นของเอกชน ก็ให้เอกชนเป็นผู้จัดหา ถ้าเป็นหาดสาธารณะ ภาครัฐจะดูแล พร้อมจัดทำคู่มือช่วยเหลือนักท่องเที่ยวให้กับการ์ดที่ดูแลนักท่องเที่ยว
วานนี้(20ก.ค.54) การประชุมร่างแผนยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความร่วมมือการบริหารจัดการวิกฤติด้านการท่องเที่ยวไทยปี 54-58 นางธนิฎฐา เศวตศิลา มณีโชต รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประธานการประชุม เปิดเผยว่า ได้เชิญหน่วยงานรัฐและเอกชนร่วมประชุมหารือร่างแผนยุทธศาสาตร์ฯ เพื่อนำเสนอรัฐบาลใหม่ และเสนอในอีกหลายเวทีด้านการท่องเที่ยวในระดับโลก เช่น องค์การการท่องเที่ยวโลกหรือWTO และเวทีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC
โดยในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมท้วงติงว่า ร่างดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ เป็นเพียงการนำเอา แผนงานประจำมารวบรวมไว้ ซึ่งถ้าคิดจะเสนอในเวทีโลก ต้องปรับร่างโดยชูจุดเด่นให้ชัดเจนว่าขัดตอนการบริหารจัดการวิกฤติที่ทำได้รวดเร็วสุดมีอะไรบ้าง ความชัดเจนเรื่องการร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนในการทำงานในกรณีที่เกิดวิกฤต รวมถึงควรมีการจัดตั้งศูนย์กลางแก้ปัญหาระหว่างรัฐและเอกชน
นอกจากนั้นที่ประชุมยังหารือ กรณีเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวจีนที่จมน้ำเสียชีวิตที่เกาะล้าน จ.ชลบุรี เป็นผลให้ พ่อและแม่ของนักท่องเที่ยว ทำหนังสือร้องเรียนมายังรัฐบาลไทยให้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะพื้นที่ที่เกิดเหตุจัดอยู่ในเขตปลอดภัย หรือเซฟตี้โซน แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือทันทีขณะเกิดเหตุ
ในที่ประชุมครั้งนี้ ตัวแทนจาก สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน ได้เรียกร้องให้กระทรวงฯ เร่งหาแนวทางเยียวยา พร้อมจ่ายเงินชดเชย ออกกฏระเบียบให้ดูแลนักท่องเที่ยวอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะที่เกาะล้าน ซึ่งเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก ควรมีป้ายเตือนเป็นภาษาจีน เตือนนักท่องเที่ยวให้ระวัง เพราะจีนถือเป็นนักท่องเที่ยวตลาดใหญ่และมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย หากไม่เร่งแก้ไข อาจเกิดผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวจากตลาดนี้
“ที่ประชุมได้ข้อสรุปเบื้องต้น คือให้ ร้านค้า ร้านอาหาร และทุกภาคส่วน ในแหล่งท่องเที่ยว ติดตั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิต เพื่อขณะเกิดเหตุสามารถหยิบใช้ได้ทันในทุกกรณี ส่วนค่าชดเชย เมืองพัทยาได้รับไปดำเนินการ โดยจะนำเข้าที่ประชุมของเมืองพัทยาว่าจะใช้เงินจากส่วนใด”
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้แจ้งขอความร่วมมือหน่วยงานในพื้นที่ไปศึกษาสาเหตุที่มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตครั้งนี้ว่า มีสาเหตุจากสิ่งใด เช่น ชายหาดลึกเกินไปหรือไม่ เพื่อจะได้หาทุ่นเตือนภัยมาปักวาง พร้อมเตือนระวังเพิ่มเติม เพิ่มกำลังการ์ดดูแล เป็นต้น ส่วนชายหาดที่เป็นของเอกชน ก็ให้เอกชนเป็นผู้จัดหา ถ้าเป็นหาดสาธารณะ ภาครัฐจะดูแล พร้อมจัดทำคู่มือช่วยเหลือนักท่องเที่ยวให้กับการ์ดที่ดูแลนักท่องเที่ยว
