บอสใหม่ยีนส์แม็ค ร้อนวิชา เปิดแผน 123 วัน เสริมแกร่งการตลาด หวังอีก 2 ปีเป็นผู้นำตลาด แย้มเทคโอเวอร์ขยายตลาด
นายธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พี.เค.การ์เม้นท์ (อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยีนส์แม็คของไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่เข้ามารับงานบริหารได้กำหนดยุทธศาสตร์หลัก 4 ประการให้กับแม็ค คือ 1. พัฒนาการของแบรนด์ 2.นวัตกรรมสินค้า 3.ประสิทธิภาพการผลิต 4.การกระจายสินค้าที่เข้าถึง และเตรียมเข้าตลาดหบักทรัพย์ภายในปี 2556
"จากนี้ไปทีมผู้บริหารที่มีทั้งเก่าและใหม่ผสมกันจะร่วมกันกำหนดแนวทางให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ภายในเวลา 123 วันให้แล้วเสร็จ ซึ่งผมเข้ามาที่นี่ก็ไม่ได้ไปดึงใครมามากมายเพื่อเข้ามาทำงานที่นี่ ซึ่งวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ประชุมกับทีมบริหาร ผมบอกแผนงานทุกอย่างแบบที่คุยกันคุณสุณี (สุณี เสรีภาณุ กรรมการผู้จัดการและเจ้าของ ) และย้ำว่าเรา ทำงานวด้วยความเชื่อใจกัน และเชื่อว่าผมทำงานที่นี่เราจะสนุกด้วยกัน"
อย่างไรก็ตาม ทีมบริหารที่มีการเปิดตัวทั้ง 12 คน ในวันแถลงข่าวนั้น นายธนาเองยอมรับว่าามีคนที่มาจากดีแทคด้วยคนหนึ่ง โดยทีมบริหารที่ต้องเสริมเข้ามาก็คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ การสร้างระบบ และครีเอทีฟ ซึ่งเบื้องต้นจะต้องโฟกัสเรื่องคนก่อน
แม็คมีความแข็งแกร่งทางด้านการผลิตและการจำหน่าย สิ่งที่เราจะเข้ามาเสริมก็คือ ทำการตลาดให้แข็งแกร่งขึ้น เช่น การทำตลาดยีนส์เงินผ่อน ซึ่งต้องหาพันธมิตรด้านสถาบันการเงินมาร่วมด้วย และต้องการสร้างแบรนด์แม็คให้ติดท็อปออฟไมนด์ให้ได้ใน 2 ปีจากนี้
ขณะที่ผลิตภัณฑ์ยังมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็น แม็ค แม็คเลดี้ แม็คจูเนียร์ ซึ่งอนาคตอาจจะสร้างแรนด์แม็คแมนสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ และจะขยายตลาดไปยังกลุ่มวัยรุ่นและเด็กลงมามากขึ้น รวมทั้งการเพิ่มตลาดในกรุงเทพฯมากขึ้นด้วย สัดส่วนปัจจุบัน ต่างจังหวัด 70% กทม. 30% จากจุดจำหน่าย 60 ชอป และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 100 ชอปภายในปีนี้
ขณะนี้บริษัทฯลงทุนสร้างโรงงานแหง่ที่ 4 ลงทุน 200 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตอีก 1-2 ล้านชิ้นต่อปี จากเดิมมี 3 โรงงานกำลังผลิตรวม 3 ล้านชิ้นต่อปี
เป้าหมายอนาคตต้องการผลักดันให้บริษัทเป็นมัลติแบรนด์ ผ่าน 3 แนวทางคือ 1.การเพิ่มซับแบรนด์ 2.การนำแบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย และ 3.การเทคโอเวอร์แบรนด์ที่มีประสิทธิภาพ
นายธนา คาดว่าภายใน 1 ปีจากนี้จะเห็นผลชัดมากขึ้น ในแง่ของการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอีก 5% การสร้างรายได้ที่จะต้องเติบโตไม่ต่ำก่ว่า 15-20% ต่อปี ส่วนปีนี้คาดว่าจะทำยอดขายเติบโต 30-40% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 1,700 ล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วรายได้เติบโต 25% ปัจจุบันแม็คมีส่วนแบ่ง 35% เป็นอันดับสองในตลาดยีนส์กลุ่มแบรนด์เนมที่มีมูลค่า 5,000 ล้านบาท และตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำอีก 1-2 ปี
นายธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พี.เค.การ์เม้นท์ (อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยีนส์แม็คของไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่เข้ามารับงานบริหารได้กำหนดยุทธศาสตร์หลัก 4 ประการให้กับแม็ค คือ 1. พัฒนาการของแบรนด์ 2.นวัตกรรมสินค้า 3.ประสิทธิภาพการผลิต 4.การกระจายสินค้าที่เข้าถึง และเตรียมเข้าตลาดหบักทรัพย์ภายในปี 2556
"จากนี้ไปทีมผู้บริหารที่มีทั้งเก่าและใหม่ผสมกันจะร่วมกันกำหนดแนวทางให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ภายในเวลา 123 วันให้แล้วเสร็จ ซึ่งผมเข้ามาที่นี่ก็ไม่ได้ไปดึงใครมามากมายเพื่อเข้ามาทำงานที่นี่ ซึ่งวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ประชุมกับทีมบริหาร ผมบอกแผนงานทุกอย่างแบบที่คุยกันคุณสุณี (สุณี เสรีภาณุ กรรมการผู้จัดการและเจ้าของ ) และย้ำว่าเรา ทำงานวด้วยความเชื่อใจกัน และเชื่อว่าผมทำงานที่นี่เราจะสนุกด้วยกัน"
อย่างไรก็ตาม ทีมบริหารที่มีการเปิดตัวทั้ง 12 คน ในวันแถลงข่าวนั้น นายธนาเองยอมรับว่าามีคนที่มาจากดีแทคด้วยคนหนึ่ง โดยทีมบริหารที่ต้องเสริมเข้ามาก็คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ การสร้างระบบ และครีเอทีฟ ซึ่งเบื้องต้นจะต้องโฟกัสเรื่องคนก่อน
แม็คมีความแข็งแกร่งทางด้านการผลิตและการจำหน่าย สิ่งที่เราจะเข้ามาเสริมก็คือ ทำการตลาดให้แข็งแกร่งขึ้น เช่น การทำตลาดยีนส์เงินผ่อน ซึ่งต้องหาพันธมิตรด้านสถาบันการเงินมาร่วมด้วย และต้องการสร้างแบรนด์แม็คให้ติดท็อปออฟไมนด์ให้ได้ใน 2 ปีจากนี้
ขณะที่ผลิตภัณฑ์ยังมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็น แม็ค แม็คเลดี้ แม็คจูเนียร์ ซึ่งอนาคตอาจจะสร้างแรนด์แม็คแมนสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ และจะขยายตลาดไปยังกลุ่มวัยรุ่นและเด็กลงมามากขึ้น รวมทั้งการเพิ่มตลาดในกรุงเทพฯมากขึ้นด้วย สัดส่วนปัจจุบัน ต่างจังหวัด 70% กทม. 30% จากจุดจำหน่าย 60 ชอป และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 100 ชอปภายในปีนี้
ขณะนี้บริษัทฯลงทุนสร้างโรงงานแหง่ที่ 4 ลงทุน 200 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตอีก 1-2 ล้านชิ้นต่อปี จากเดิมมี 3 โรงงานกำลังผลิตรวม 3 ล้านชิ้นต่อปี
เป้าหมายอนาคตต้องการผลักดันให้บริษัทเป็นมัลติแบรนด์ ผ่าน 3 แนวทางคือ 1.การเพิ่มซับแบรนด์ 2.การนำแบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย และ 3.การเทคโอเวอร์แบรนด์ที่มีประสิทธิภาพ
นายธนา คาดว่าภายใน 1 ปีจากนี้จะเห็นผลชัดมากขึ้น ในแง่ของการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอีก 5% การสร้างรายได้ที่จะต้องเติบโตไม่ต่ำก่ว่า 15-20% ต่อปี ส่วนปีนี้คาดว่าจะทำยอดขายเติบโต 30-40% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 1,700 ล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วรายได้เติบโต 25% ปัจจุบันแม็คมีส่วนแบ่ง 35% เป็นอันดับสองในตลาดยีนส์กลุ่มแบรนด์เนมที่มีมูลค่า 5,000 ล้านบาท และตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำอีก 1-2 ปี
