เสียงตอบรับอย่างท่วมท้นของบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวานนี้ (4 ก.ค.) ดัชนีทะยานตัวในแดนบวกขานรับพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น สวนทางกับอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนบางส่วน ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพ
ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศต่างปรับตัวในแดนบวก ตอบรับแผนแก้ไขปัญหาหนี้กรีซ โดยระหว่างชี่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวต่ำสุดที่ 1,069.88 จุด และสูงสุดที่ 1,094.26 ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1,090.28 จุด บวก 48.80 จุด หรือ 4.69%
ส่วนที่กระทรวงการคลัง ปลัดตุ้ม อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ได้เตรียมข้อมูลเพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ว่าในแต่ละเรื่องจะดำเนินการอย่างไร โดยจะฉายภาพให้ชัดเจนถึงภาระและแนวทางต่างๆ ว่าจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างไร รวมถึงหารือถึงแผนภาษีต่างๆ เพราะยังมีภาระการจัดทำงบประมาณประจำปี 2555 และกรอบการจัดทำงบประมาณสมดุลในปี 2558 ด้วย ดังนั้นรัฐบาลใหม่คงต้องพิจารณาเกี่ยวกับรายจ่ายและรายรับของรัฐบาล และพิจารณาถึงฐานะการคลังของประเทศในแต่ละปีด้วย
ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นกระทรวงสำคัญที่ดูแลเศรษฐกิจการเงินของประเทศและที่ผ่านมาบุคคลที่มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ดังนั้นจึงหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเลือกบุคคลที่มีความรู้ เป็นที่ยอมรับในทุกระดับ ทั้งในและต่างประเทศ … เฮ้อ!
และเชื่อว่า การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าไม่น่าจะมีปัญหา และยังคงยึดกรอบการจัดทำงบประมาณสมดุลใน 5 ปี เพื่อรักษาวินัยทางการเงินการคลัง แต่หากจะไม่สมดุลใน 5 ปี ก็เป็นที่ยอมรับได้ หากเป็นการใช้เงินเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
ขณะที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)เรียกประชุมด่วนวันนี้หารือแผนรับมือรัฐบาลนายกหญิงปูแดงว่าจะผลักดันภาคเอกชนให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าไปในทิศทางใด
ทั้ง ดุสิต นนทนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทยและชาติศิริ โสภณพนิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ แบงก์บัวหลวง ต่างหวังว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศให้การสนับสนุนภาคเอกชน ซึ่ง กกร.พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลใหม่ แต่ก็เห็นว่า รัฐบาลใหม่ควรเร่งดำเนินการใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ การดูแลคอร์รัปชั่น, การแก้ปัญหา ความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้ประเทศชาติมีความสามัคคีกัน วิสัยทัศน์ของรัฐบาล และการนำ นโยบายไปสู่ปฏิบัติ ที่ทำให้เกิดผลให้ได้ ซึ่งรัฐบาลควรจะแสดงผลงานให้เห็นทุก 3 เดือน
เพราะในปัจจุบันปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรป ยังความผันผวนยังต้องมีการ จับตาดูอย่างใกล้ชิดด้วย รัฐบาลจะต้องดูแลให้เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง มีขีดความสามารถใน การแข่งขันให้ทัดเทียมกับคู่แข่งขันในบางประเทศในภูมิภาค ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาหารและรถยนต์ ที่ไทยมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ก็ควรที่จะพัฒนาให้เพิ่มขึ้น และรักษา เสถียรภาพความเป็นผู้นำให้คงอยู่ พร้อมก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
คุณพระ…! แต่เห็นแคนดิเดตว่าที่รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงแล้วก็อยากให้ฝันของกกร.เป็นจริงโดยเฉพาะรมว.คลัง ... กลัวว่าเศรษฐกิจของประเทศจะพายเรือวนในบ่อ 3 บ่อของท่านจัง …
ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศต่างปรับตัวในแดนบวก ตอบรับแผนแก้ไขปัญหาหนี้กรีซ โดยระหว่างชี่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวต่ำสุดที่ 1,069.88 จุด และสูงสุดที่ 1,094.26 ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1,090.28 จุด บวก 48.80 จุด หรือ 4.69%
ส่วนที่กระทรวงการคลัง ปลัดตุ้ม อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ได้เตรียมข้อมูลเพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ว่าในแต่ละเรื่องจะดำเนินการอย่างไร โดยจะฉายภาพให้ชัดเจนถึงภาระและแนวทางต่างๆ ว่าจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างไร รวมถึงหารือถึงแผนภาษีต่างๆ เพราะยังมีภาระการจัดทำงบประมาณประจำปี 2555 และกรอบการจัดทำงบประมาณสมดุลในปี 2558 ด้วย ดังนั้นรัฐบาลใหม่คงต้องพิจารณาเกี่ยวกับรายจ่ายและรายรับของรัฐบาล และพิจารณาถึงฐานะการคลังของประเทศในแต่ละปีด้วย
ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นกระทรวงสำคัญที่ดูแลเศรษฐกิจการเงินของประเทศและที่ผ่านมาบุคคลที่มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ดังนั้นจึงหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเลือกบุคคลที่มีความรู้ เป็นที่ยอมรับในทุกระดับ ทั้งในและต่างประเทศ … เฮ้อ!
และเชื่อว่า การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าไม่น่าจะมีปัญหา และยังคงยึดกรอบการจัดทำงบประมาณสมดุลใน 5 ปี เพื่อรักษาวินัยทางการเงินการคลัง แต่หากจะไม่สมดุลใน 5 ปี ก็เป็นที่ยอมรับได้ หากเป็นการใช้เงินเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
ขณะที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)เรียกประชุมด่วนวันนี้หารือแผนรับมือรัฐบาลนายกหญิงปูแดงว่าจะผลักดันภาคเอกชนให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าไปในทิศทางใด
ทั้ง ดุสิต นนทนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทยและชาติศิริ โสภณพนิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ แบงก์บัวหลวง ต่างหวังว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศให้การสนับสนุนภาคเอกชน ซึ่ง กกร.พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลใหม่ แต่ก็เห็นว่า รัฐบาลใหม่ควรเร่งดำเนินการใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ การดูแลคอร์รัปชั่น, การแก้ปัญหา ความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้ประเทศชาติมีความสามัคคีกัน วิสัยทัศน์ของรัฐบาล และการนำ นโยบายไปสู่ปฏิบัติ ที่ทำให้เกิดผลให้ได้ ซึ่งรัฐบาลควรจะแสดงผลงานให้เห็นทุก 3 เดือน
เพราะในปัจจุบันปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรป ยังความผันผวนยังต้องมีการ จับตาดูอย่างใกล้ชิดด้วย รัฐบาลจะต้องดูแลให้เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง มีขีดความสามารถใน การแข่งขันให้ทัดเทียมกับคู่แข่งขันในบางประเทศในภูมิภาค ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาหารและรถยนต์ ที่ไทยมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ก็ควรที่จะพัฒนาให้เพิ่มขึ้น และรักษา เสถียรภาพความเป็นผู้นำให้คงอยู่ พร้อมก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
คุณพระ…! แต่เห็นแคนดิเดตว่าที่รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงแล้วก็อยากให้ฝันของกกร.เป็นจริงโดยเฉพาะรมว.คลัง ... กลัวว่าเศรษฐกิจของประเทศจะพายเรือวนในบ่อ 3 บ่อของท่านจัง …