“มนูญ” แนะจับตา รบ.ใหม่ ยุบทิ้ง “กองทุนน้ำมัน” ตามที่ประกาศไว้แน่ คาดส่งผล “เบนซิน-แก๊สโซฮอล์” ปรับลดทันทีลิตรละ 7.50 บาท แต่ต้องดูว่าจะให้พรรคร่วมเป็น รมต. หรือเข้ามาดูแลเอง พร้อมเตือนโจทย์สำคัญ แก้ปัญหาก๊าซ LPG บิดเบือนกลไกตลาด
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญน้ำมัน กล่าวถึงทิศทางราคาน้ำมันภายในประเทศ หลังพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งประกาศใช้นโยบายยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น คาดว่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮออล์ ปรับลดลงโดยปริยาย เนื่องจากปัจจุบันต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันลิตรละ 7.50 บาท เพื่ออุดหนุนราคาก๊าซหุนต้ม (แอลพีจี)
“ความเห็นส่วนตัว มองว่า การยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ เป็นแนวคิดที่ไม่สามารถทำได้ในทันที เพราะกองทุนน้ำมันฯ นอกจากเป็นเครื่องมือในการควบคุมราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้มีราคาสูงในกรณีที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาก ทั้งยังมีภาระในการชดเชยราคาก๊าซแอลพีจี และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี)”
นอกจากนี้ ต้องจับตาการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล เพราะพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่ได้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล จึงเป็นไปได้ที่โควต้ากระทรวงพลังงานจะยังเป็นของพรรคเดิม ทำให้นโยบายด้านพลังงานไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก และเน้นการตรึงราคาพลังงานต่อไป
แต่หากพรรคเพื่อไทยต้องการเข้ามาบริหารกระทรวงพลังงานเอง ก็เป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างราคาพลังงาน ซึ่งการยุบกองทุนน้ำมันฯ จะถูกนำมาพิจารณาได้ในกรณีนี้ เพราะทำให้ราคาน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯ เก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 7.50 บาทต่อลิตร และเก็บเงินจากผู้ใช้เบนซิน 91 อยู่ที่ 6.70 บาทต่อลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล์ 95 เก็บอยู่ที่ 2.40 บาทต่อลิตร
ดังนั้น การยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ สามารถทำให้ราคาน้ำมันถูกลงได้ในสัดส่วนดังกล่าว แต่การยุบกองทุนน้ำมันฯ โดยทันทีเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เพราะทำให้รัฐบาลประสบปัญหาการหาเงินจำนวนมากมาชดเชยราคาแอลพีจีในภาคครัวเรือนและเอ็นจีวี หากยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ ต้องมีการปรับลอยตัวราคาเชื้อเพลิงดังกล่าวก่อน พร้อมคาดการณ์ว่า พรรคเพื่อไทยจะตรึงราคาดีเซลไปถึงกันยายน 2554 นี้ โดยจะนำเงินจากภาษีสรรพาสามิต
อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยก็จะต้องมีการบ้านคิดแก้ปัญหาเรื่องราคาก๊าซแอลพีจี ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อพยุงราคาก๊าซแอลพีจี เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังได้นำเสนอนโยบายบัตรเครดิตพลังงาน เพื่อมาช่วยผู้มีรายได้น้อย เช่น คนขับรถแท็กซี่ สามล้อเครื่อง และมอเตอร์ไซด์รับจ้าง
ดันนั้น ระยะแรกของการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ไม่น่าจะมีการยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ เพราะส่งผลกระทบต่อการขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีในภาคครัวเรือน จะกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ทำให้รัฐบาลเสียคะแนนนิยม จึงควรจับตาดูในช่วงเดือนกันยายน 2554 นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่หมดระยะเวลาการยกเลิกภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล
ทั้งนี้ หากรัฐบาลไม่มีมาตรการด้านภาษีออกมา อาจถือโอกาสทยอยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล โดยไม่ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ มาชดเชย ซึ่งเป็นการลดภาระของกองทุนน้ำมันฯ ลงในขั้นแรก หลังจากนั้นอาจใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการปรับราคาก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี จึงจะสามารถยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ โดยสมบูรณ์ได้