เอสแอนด์พีลุยต่างประเทศเต็มสูบ จับมือโรงแรมดัง ส่งร้านอาหาร ภัทรา จับตลาดหรู พร้อมผุด “สุดา” แบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่ เสริมแกร่งในต่างประเทศ จับตลาดกลาง
นางภัทรา ศิลาอ่อน ประธานกรรมการ บริษัท เอสแอนด์พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารและเบเกอรี เอสแอนด์พี, พาทิโอ ฯลฯ และเจ้าของร้านอาหาร “ภัทรา” เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีนโยบายที่จะรุกตลาดต่างประเทศให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านของการสร้างแบรนด์ การขยายฐานลูกค้า การลงทุน
ล่าสุดได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มโรงแรมหรูระดับ 5ดาว เครือ ‘ซิกเซ้นส์ แซงชัวรี่ ภูเก็ต’ ซึ่งมีแนวทางการขยายธุรกิจในต่างประเทศในทิศทางเดียวกับบริษัท โดยจะร่วมมือกันในลักษณะของการโค-แบรนด์ดิ้ง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของร้านภัทราสู่ความเป็นร้านอาหารไทยระดับหรู ในลักษณะของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำอาหารและแลกเปลี่ยนเมนูพิเศษซึ่งกันและกัน โดยร้านภัทรา กรุงเทพฯ จะจัดเมนูของ ซิกเซ้นส์ฯ ไว้บริการลุกค้า และทางโรงแรมดังกล่าว จะนำรายการอาหารของร้านภัทราบริการลูกค้าเป็นทางเลือกด้วย
สำหรับโครงการดังกล่าวนี้ จะดำเนินไปตลอดปี2554 ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยเมนูของซิกเซ้นส์ฯ จะมีบริการในร้านภัทรา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ 4 สาขา รวมไปถึงกรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ด้วย ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นการแลกเปลี่ยนฐานลูกค้าในกลุ่มบีบวกขึ้นไปทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลกของทั้งคู่ด้วย
ด้านนายประเวศวุฒิ ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า นอกจากร้านอาหารภัทราแล้ว ล่าสุดบริษัทยังได้เปิดตัวแบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่ชื่อ “สุดา” (SUDA) วางตำแหน่งเป็นร้านอาหารไทยระดับกลาง มีความคล่องตัวสูง เปิดให้บริการตลอดเวลา สาขาแรกตั้งอยู่ที่ ถนนโคเวนต์ การ์เดนท์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พร้อมเปิดให้บริการในเดือนก.ค.นี้ ดดยปีนี้ใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทในการเปิดร้านสุดา
ร้านอาหารสุดาจะเป็นแบรนด์ร้านอาหารที่ 5 ในต่างประเทศที่อังกฤษ และเป็นแบรนด์ที่จะใช้ในการขยายสาขาต่อไปในต่างประเทศเป็นหลักเพราะมีความคล่องตัวในการขยายสาขาสูงกว่าแบรนด์ภัทรา
ปัจจุบันบริษัทเปิดให้บริการร้านอาหารไทยในเครือฯไปแล้วรวมทั้งสิ้น 20 แห่งในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรีย สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ ส่วนในไทยมีร้านอาหารและเบเกอรี่เอสแอนด์พีและแบรนด์อื่น รวมกันมากกว่า 350 แห่งทั่วประเทศ โดยปีที่ผ่านมาบริษัทฯมรายได้รวมกว่า 5,000 ล้านบาท
นางภัทรา ศิลาอ่อน ประธานกรรมการ บริษัท เอสแอนด์พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารและเบเกอรี เอสแอนด์พี, พาทิโอ ฯลฯ และเจ้าของร้านอาหาร “ภัทรา” เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีนโยบายที่จะรุกตลาดต่างประเทศให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านของการสร้างแบรนด์ การขยายฐานลูกค้า การลงทุน
ล่าสุดได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มโรงแรมหรูระดับ 5ดาว เครือ ‘ซิกเซ้นส์ แซงชัวรี่ ภูเก็ต’ ซึ่งมีแนวทางการขยายธุรกิจในต่างประเทศในทิศทางเดียวกับบริษัท โดยจะร่วมมือกันในลักษณะของการโค-แบรนด์ดิ้ง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของร้านภัทราสู่ความเป็นร้านอาหารไทยระดับหรู ในลักษณะของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำอาหารและแลกเปลี่ยนเมนูพิเศษซึ่งกันและกัน โดยร้านภัทรา กรุงเทพฯ จะจัดเมนูของ ซิกเซ้นส์ฯ ไว้บริการลุกค้า และทางโรงแรมดังกล่าว จะนำรายการอาหารของร้านภัทราบริการลูกค้าเป็นทางเลือกด้วย
สำหรับโครงการดังกล่าวนี้ จะดำเนินไปตลอดปี2554 ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป โดยเมนูของซิกเซ้นส์ฯ จะมีบริการในร้านภัทรา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ 4 สาขา รวมไปถึงกรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ด้วย ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นการแลกเปลี่ยนฐานลูกค้าในกลุ่มบีบวกขึ้นไปทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลกของทั้งคู่ด้วย
ด้านนายประเวศวุฒิ ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า นอกจากร้านอาหารภัทราแล้ว ล่าสุดบริษัทยังได้เปิดตัวแบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่ชื่อ “สุดา” (SUDA) วางตำแหน่งเป็นร้านอาหารไทยระดับกลาง มีความคล่องตัวสูง เปิดให้บริการตลอดเวลา สาขาแรกตั้งอยู่ที่ ถนนโคเวนต์ การ์เดนท์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พร้อมเปิดให้บริการในเดือนก.ค.นี้ ดดยปีนี้ใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทในการเปิดร้านสุดา
ร้านอาหารสุดาจะเป็นแบรนด์ร้านอาหารที่ 5 ในต่างประเทศที่อังกฤษ และเป็นแบรนด์ที่จะใช้ในการขยายสาขาต่อไปในต่างประเทศเป็นหลักเพราะมีความคล่องตัวในการขยายสาขาสูงกว่าแบรนด์ภัทรา
ปัจจุบันบริษัทเปิดให้บริการร้านอาหารไทยในเครือฯไปแล้วรวมทั้งสิ้น 20 แห่งในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรีย สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ ส่วนในไทยมีร้านอาหารและเบเกอรี่เอสแอนด์พีและแบรนด์อื่น รวมกันมากกว่า 350 แห่งทั่วประเทศ โดยปีที่ผ่านมาบริษัทฯมรายได้รวมกว่า 5,000 ล้านบาท
