สสปน.เร่งมือเตรียมพร้อมจัดเวิลด์เอ็กโป ผนึกจังหวัดพระนครศรีอยุยา ตั้งคณะทำงานร่วม ประเดิมเรื่องการจัดหาที่ดิน 400 ไร่ที่ยังขาดอยู่ ปิ๊งไอเดีย ดึงเอกชนที่สนใจประมูลสิทธิ์ รับไปบริหารจัดการ เตรียมจัดประกวดโลโก้และมาสคอต ดึงเยาวชนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทางจังหวัดฯได้ร่วมทำงานกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ในการจัดเตรียมความพร้อมในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน เวิลด์เอ็กโป 2020 ล่าสุด เตรียมจัดตั้งคณะทำงานพิจารณาการจัดเตรียมพื้นที่การจัดงาน ซึ่งต้องใช้ประมาณ 2,000 ไร่ บริเวณศูนย์ศิลปาชีพบางไทย ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่ของทางราชการที่รวบรวมได้แล้ว 1,600 ไร่ จะต้องหาเพิ่มอีก 400 ไร่ โดยจะมี 2-3 แนวทางเลือก มาพิจารณาตัดสินใจร่วมกัน ได้แก่ การตั้งงบประมาณในการจัดซื้อ เช่า เวนคืนที่ดิน โดยรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด หรือเปิดให้บริษัทเอกชนที่สนใจรับไปบริหารจัดการงานตามแนวทางดังกล่าวข้างต้น ด้วยวิธีการประมูลสิทธิ์
“พื้นที่ 400 ไร่ที่สำรวจไว้แล้ว เป็นของประชาชนและภาคเอกชนรวมกว่า 150 ราย ซึ่งผลจากการทำประชาพิจารณ์ทุกคนสนับสนุนการจัดงาน แต่รูปแบบหากไม่ต้องซื้อขาด ก็จะใช้วิธีเช่า ระยะ 3 ปีตั้งแต่ก่อสร้างไปถึงเสร็จงานแล้วคืนให้เจ้าของ ส่วนราคาที่ดินประเมินไว้ไร่ละ 6 แสนบาท ใช้เงินรวม 240 ล้านบาท เป็นราคาที่เผื่ออนาคตไว้แล้วจากปัจจุบันราคาไร่ละ 3 แสน “
แนวทางการจัดพื้นที่ต้องสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเมืองของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คงไว้ซึ่งพื้นที่การเกษตรและชุมชน โดยพื้นที่จัดงานไม่เคยมีประวัติน้ำท่วมเนช่วงที่ผ่านมา เป็นโลเกชั่นที่เดินทางสะดวกด้วยระบบโครงข่ายคมนาคม ถนนวงแหวน ง่ายทั้งการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง
ทั้งนี้ปี 2553 อยุธยา มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจกว่า 20% สูงสุดในประเทศ ซึ่งเป็นรายได้จาก อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม การเกษตร และท่องเที่ยว โดยท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าจังหวัด 4 พันล้านบาท เติบโตจากปี 2552 ประมาณ 20% มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติอย่างละ 50%
***มองตุรกีไม่ใช่คู่แข่งขัน****
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. กล่าวว่า กระบวนการทั้งหมดนับจากนี้จะมีทั้งการสร้างการรับรู้ให้แก่ภาคประชาชน การจัดเตรียมพื้นที่ ทั้งหมดต้องแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.54 ซึ่งจะเป็นเดือนที่ผู้แทนจากสำนักงานมหกรรมโลก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส (BIE)จะเดินทางมาเยื่ยมชมพื้นที่อีกครั้งและในเดือน ธ.ค. 54 ในงาน บีโอไอ แฟร์ สสปน. ก็จะสร้างพาวิลเลียน จำลองโมเดลการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ออกแสดงภายในงานด้วย ทั้งหมดจะดำเนินงานภายใต้งบ 50 ล้านบาท ที่ครม.อนุมัติให้แล้ว ส่วนปีงบประมาณ 2555 เสนอขอไป 100 ล้านบาท เพื่อดำเนินงานและประชาสัมพันธ์ภายในและภายนอกประเทศ
สำหรับกำหนดจัดงานเวิลด์เอ็กโป 2020 หากประเทศไทยได้รับคัดเลือก ได้เสนอว่าจะจัดระหว่าง 15 ม.ค. - 15 มิ.ย. ค.ศ. 2020 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวก็ไม่ใช่ฤดูฝนของประเทศไทย ตั้งเป้าในปีที่จัดงานจะผลักดันจีดีพีในปีนั้นของประเทศไทยโตขึ้น 1.3-1.4% และมีจำนวนผู้เข้าชมงานช่วง 6 เดือนไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่า ประเทศที่สมัครเข้าแข่งขันเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้อย่างเป็นทางการ มี 1 ราย คือ เมืองอิสเมีย ประเทศตุรกี ภายใต้ธีม New Routes to a Better World/ Health for All” ซึ่งเป็นธีมเดิมที่ประเทศตุรกีเคยเสนอไปแล้วเมือง 5 ปีก่อน จึงมองว่าเป็นคู่แข่งขันที่ไม่น่าหนักใจ เมืองเทียบกับธีมที่ใหม่สดกว่าของประเทศไทยคือ “Balanced Life,Sustainable Living - Let’s Redefine Globalization” หรือ วิถีที่ยั่งยืนเพื่อโลกที่สมดุล - นิยามใหม่ของโลกาภิวัฒน์ โดยจะนำเสนอ ความสมดุลและความพอเพียง ที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม สังคม ชุมชน และอุตสาหกรรม ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ในจังหวัดอยุธยา ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกและมีนิคมอุตสาหกรรม
นอกจากนั้น ภายในสินเดือน พ.ค.นี้ สสปน. จะประกาศกิจกรรมเชิญชวนประชาชนคนไทย จะเป็นบุคคล กลุ่ม หรือหน่วยงาน ส่งประกวดตราสัญลักษณ์( โลโก้) และมาสคอต โดยจะตัดสินผู้ชนะในเดือน มิ.ย. รวมถึงจัดโครงการ สร้างแบรนด์แอมบาสเดอร์ โดยร่วมกับสถานศึกษา จัดให้ความรู้แก่เยาวชนอายุตั้งแต่ 10-12 ปี ขึ้นไป ได้รับรู้เพื่อซึมซาบจนกว่าจะถึงปีจัดงาน
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทางจังหวัดฯได้ร่วมทำงานกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ในการจัดเตรียมความพร้อมในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน เวิลด์เอ็กโป 2020 ล่าสุด เตรียมจัดตั้งคณะทำงานพิจารณาการจัดเตรียมพื้นที่การจัดงาน ซึ่งต้องใช้ประมาณ 2,000 ไร่ บริเวณศูนย์ศิลปาชีพบางไทย ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่ของทางราชการที่รวบรวมได้แล้ว 1,600 ไร่ จะต้องหาเพิ่มอีก 400 ไร่ โดยจะมี 2-3 แนวทางเลือก มาพิจารณาตัดสินใจร่วมกัน ได้แก่ การตั้งงบประมาณในการจัดซื้อ เช่า เวนคืนที่ดิน โดยรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด หรือเปิดให้บริษัทเอกชนที่สนใจรับไปบริหารจัดการงานตามแนวทางดังกล่าวข้างต้น ด้วยวิธีการประมูลสิทธิ์
“พื้นที่ 400 ไร่ที่สำรวจไว้แล้ว เป็นของประชาชนและภาคเอกชนรวมกว่า 150 ราย ซึ่งผลจากการทำประชาพิจารณ์ทุกคนสนับสนุนการจัดงาน แต่รูปแบบหากไม่ต้องซื้อขาด ก็จะใช้วิธีเช่า ระยะ 3 ปีตั้งแต่ก่อสร้างไปถึงเสร็จงานแล้วคืนให้เจ้าของ ส่วนราคาที่ดินประเมินไว้ไร่ละ 6 แสนบาท ใช้เงินรวม 240 ล้านบาท เป็นราคาที่เผื่ออนาคตไว้แล้วจากปัจจุบันราคาไร่ละ 3 แสน “
แนวทางการจัดพื้นที่ต้องสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเมืองของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คงไว้ซึ่งพื้นที่การเกษตรและชุมชน โดยพื้นที่จัดงานไม่เคยมีประวัติน้ำท่วมเนช่วงที่ผ่านมา เป็นโลเกชั่นที่เดินทางสะดวกด้วยระบบโครงข่ายคมนาคม ถนนวงแหวน ง่ายทั้งการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง
ทั้งนี้ปี 2553 อยุธยา มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจกว่า 20% สูงสุดในประเทศ ซึ่งเป็นรายได้จาก อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม การเกษตร และท่องเที่ยว โดยท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าจังหวัด 4 พันล้านบาท เติบโตจากปี 2552 ประมาณ 20% มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติอย่างละ 50%
***มองตุรกีไม่ใช่คู่แข่งขัน****
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. กล่าวว่า กระบวนการทั้งหมดนับจากนี้จะมีทั้งการสร้างการรับรู้ให้แก่ภาคประชาชน การจัดเตรียมพื้นที่ ทั้งหมดต้องแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.54 ซึ่งจะเป็นเดือนที่ผู้แทนจากสำนักงานมหกรรมโลก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส (BIE)จะเดินทางมาเยื่ยมชมพื้นที่อีกครั้งและในเดือน ธ.ค. 54 ในงาน บีโอไอ แฟร์ สสปน. ก็จะสร้างพาวิลเลียน จำลองโมเดลการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ออกแสดงภายในงานด้วย ทั้งหมดจะดำเนินงานภายใต้งบ 50 ล้านบาท ที่ครม.อนุมัติให้แล้ว ส่วนปีงบประมาณ 2555 เสนอขอไป 100 ล้านบาท เพื่อดำเนินงานและประชาสัมพันธ์ภายในและภายนอกประเทศ
สำหรับกำหนดจัดงานเวิลด์เอ็กโป 2020 หากประเทศไทยได้รับคัดเลือก ได้เสนอว่าจะจัดระหว่าง 15 ม.ค. - 15 มิ.ย. ค.ศ. 2020 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวก็ไม่ใช่ฤดูฝนของประเทศไทย ตั้งเป้าในปีที่จัดงานจะผลักดันจีดีพีในปีนั้นของประเทศไทยโตขึ้น 1.3-1.4% และมีจำนวนผู้เข้าชมงานช่วง 6 เดือนไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่า ประเทศที่สมัครเข้าแข่งขันเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้อย่างเป็นทางการ มี 1 ราย คือ เมืองอิสเมีย ประเทศตุรกี ภายใต้ธีม New Routes to a Better World/ Health for All” ซึ่งเป็นธีมเดิมที่ประเทศตุรกีเคยเสนอไปแล้วเมือง 5 ปีก่อน จึงมองว่าเป็นคู่แข่งขันที่ไม่น่าหนักใจ เมืองเทียบกับธีมที่ใหม่สดกว่าของประเทศไทยคือ “Balanced Life,Sustainable Living - Let’s Redefine Globalization” หรือ วิถีที่ยั่งยืนเพื่อโลกที่สมดุล - นิยามใหม่ของโลกาภิวัฒน์ โดยจะนำเสนอ ความสมดุลและความพอเพียง ที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม สังคม ชุมชน และอุตสาหกรรม ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ในจังหวัดอยุธยา ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกและมีนิคมอุตสาหกรรม
นอกจากนั้น ภายในสินเดือน พ.ค.นี้ สสปน. จะประกาศกิจกรรมเชิญชวนประชาชนคนไทย จะเป็นบุคคล กลุ่ม หรือหน่วยงาน ส่งประกวดตราสัญลักษณ์( โลโก้) และมาสคอต โดยจะตัดสินผู้ชนะในเดือน มิ.ย. รวมถึงจัดโครงการ สร้างแบรนด์แอมบาสเดอร์ โดยร่วมกับสถานศึกษา จัดให้ความรู้แก่เยาวชนอายุตั้งแต่ 10-12 ปี ขึ้นไป ได้รับรู้เพื่อซึมซาบจนกว่าจะถึงปีจัดงาน