ครม.ไฟเขียว พื้นที่อยุธยา จัด เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 สสปน.คาด 6 เดือน ยื่น BIE กดดันประเทศคู่แข่งที่ยังไม่เริ่มขยับให้รีบยื่นให้ทันในอีก 6 เดือนต่อไป คาดใช้งบลงทุน 3.1 หมื่นล้านบาท เงินสะพัดแตะ 2 แสนล้านบาท จับตารัฐเวนคืนที่ดิน ส.ป.ก.หรือปั่นราคาซื้อที่เอกชน
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน.เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เลือก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพื้นที่จัดงาน เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ภายใต้แนวคิดการจัดงาน (ธีม) บาลานซ์ ไลฟ์…ซัสเทนเนเบิล ลีฟวิ่ง หรือ อยู่ในโลกของความพอดี ความพอเพียง ซึ่งสาเหตุเลือกจังหวัดอยุธยา เพราะใกล้กรุงเทพฯ โดยคำนึงถึงการเดินทางในช่วงจัดงาน และการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ภายหลังจัดงาน ซึ่งส่วนต่อขยายของเมืองจากกรุงเทพฯ ที่ดีสุดก็คืออยุธยา ซึ่งภารกิจของ สสปน.นับจากนี้ไป คือ ดำเนินการยื่นเสนอการแสดงสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจัดงาน เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ต่อ สำนักงานมหกรรมโลก หรือ BIE เพื่อขอสิทธิ์ (บิดดิ้ง) ภายใน 6 เดือน นับจากวันนี้ (4 เม.ย.54) หรือประมาณเดือน ต.ค.2554
“ถ้าในเดือนตุลาคมนี้ ไทยเป็นประเทศแรกที่ยื่นแสดงสิทธิ์ จะมีผลทำให้ประเทศอื่นๆ ที่สนใจ ต้องเร่งแสดงเจตจำนงการเป็นเจ้าภาพ โดยต้องผ่านกระบวนการของรัฐบาลของประเทศนั้นๆภายใน 6 เดือนเช่นกัน เท่ากับว่า หากวันนี้ไทยเป็นประเทศแรก ก็เท่ากับอีก 12 เดือน ประเทศใดไม่ยื่นก็หมดสิทธิ์ จากนั้นจะใช้เวลาตัดสินภายใน 3 ปี หรือราวปี 2558”
***จับตาเวนคืนที่ดินหรือปั่นราคาซื้อที่เอกชน***
ทั้งนี้ โครงการเป็นเจ้าภาพจัดงาน เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 เบื้องต้น สสปน.ประเมินว่า ไทยต้องใช้งบทั้งสิ้น 31,000 ล้านบาท โดยงบลงทุนที่กล่าวมา รวมถึงการวางระบบป้องกันน้ำท่วมด้วย แบ่งเป็นค่าเวนคืนที่ดิน หรือซื้อที่ดินในย่านดังกล่าว 1,800 ล้านบาท ที่เหลือจะเป็นส่วนของ การลงทุน สาธารณูปโภค ระบบคมนาคม ส่วนต่อขยายจากรถไฟฟ้าสายสีแดงอีก 12 กม.ซึ่งขณะนี้ที่ดินของรัฐซึ่งเป็นที่ ส.ป.ก.มีอยู่แล้ว 1,200 ไร่ แต่หากต้องซื้อพื้นที่จากเอกชน ก็จะใช้ราว 1,400-1,500 ไร่ ตั้งเป้าดึงคนทั่วโลกเข้ามาได้ 27-35 ล้านคน สร้างรายได้ทางตรงช่วงจัดงาน 6,2000 ล้านบาท จากค่าบัตรเข้าชมงาน และรายได้จากผู้สนับสนุนจัดงาน และจะมีรายได้ทางอ้อมจากการลงทุนต่อเนื่อง การจ้างงาน ให้ผลตอบแทนกับเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 6 เท่าของเงินลงทุน หรือเกือบ 2 แสนล้านบาท ซึ่งทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพี ในปีที่จัดงาน เติบโตได้ 1.3-1.4% จากการ เติบโตปกติ ระยะจัดงาน 6 เดือน คือ ม.ค.-มิ.ย. 63
***ใช้งบ 200 ลบ.ประชาสัมพันธ์ใน และ ตปท.***
ล่าสุด สสปน.ได้ลงบันทึกข้อตกลงกับสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยในการร่วมมือสนับสนุนโครงการเสนอตัว เป็นเจ้าภาพการจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป 2020 ที่ผ่านมา สมาคมได้ช่วยเรื่องการคิดธีม การจัดงาน แต่นับจากนี้ไป สมาคมจะช่วยเรื่องประชาสมัพันธ์ สร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมของคนไทยทั้งประเทศ ในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งปีนี้จะใช้งบ 10 ล้านบาท ส่วนปี 55 สสปน.ได้รับงบจากรัฐบาลมาแล้ว 100 ล้านบาท แต่ สสปน.จะขอเพิ่มอีก 90 ล้านบาท เพราะต้องใช้งบดึง 157 ประเทศทั่วโลก สนับสนุนไทยเป็นเจ้าภาพด้วย โดยเบื้องต้นเราต้องการอย่างน้อย 80 เสียงจากทั่วโลก ซึ่งทางสำนักงบประมาณระบุว่าให้ สสปน.ไปหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์อีกครั้ง เพื่อประเมินงบที่จะใช้เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ประเทศที่คาดว่าจะเป็นคู่แข่งกับประเทศไทย เสนอ บิดดิ้งงานนี้ด้วย มีประมาณ 3 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย ตุรกี และ บราซิล
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน.เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เลือก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพื้นที่จัดงาน เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ภายใต้แนวคิดการจัดงาน (ธีม) บาลานซ์ ไลฟ์…ซัสเทนเนเบิล ลีฟวิ่ง หรือ อยู่ในโลกของความพอดี ความพอเพียง ซึ่งสาเหตุเลือกจังหวัดอยุธยา เพราะใกล้กรุงเทพฯ โดยคำนึงถึงการเดินทางในช่วงจัดงาน และการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ภายหลังจัดงาน ซึ่งส่วนต่อขยายของเมืองจากกรุงเทพฯ ที่ดีสุดก็คืออยุธยา ซึ่งภารกิจของ สสปน.นับจากนี้ไป คือ ดำเนินการยื่นเสนอการแสดงสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจัดงาน เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ต่อ สำนักงานมหกรรมโลก หรือ BIE เพื่อขอสิทธิ์ (บิดดิ้ง) ภายใน 6 เดือน นับจากวันนี้ (4 เม.ย.54) หรือประมาณเดือน ต.ค.2554
“ถ้าในเดือนตุลาคมนี้ ไทยเป็นประเทศแรกที่ยื่นแสดงสิทธิ์ จะมีผลทำให้ประเทศอื่นๆ ที่สนใจ ต้องเร่งแสดงเจตจำนงการเป็นเจ้าภาพ โดยต้องผ่านกระบวนการของรัฐบาลของประเทศนั้นๆภายใน 6 เดือนเช่นกัน เท่ากับว่า หากวันนี้ไทยเป็นประเทศแรก ก็เท่ากับอีก 12 เดือน ประเทศใดไม่ยื่นก็หมดสิทธิ์ จากนั้นจะใช้เวลาตัดสินภายใน 3 ปี หรือราวปี 2558”
***จับตาเวนคืนที่ดินหรือปั่นราคาซื้อที่เอกชน***
ทั้งนี้ โครงการเป็นเจ้าภาพจัดงาน เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 เบื้องต้น สสปน.ประเมินว่า ไทยต้องใช้งบทั้งสิ้น 31,000 ล้านบาท โดยงบลงทุนที่กล่าวมา รวมถึงการวางระบบป้องกันน้ำท่วมด้วย แบ่งเป็นค่าเวนคืนที่ดิน หรือซื้อที่ดินในย่านดังกล่าว 1,800 ล้านบาท ที่เหลือจะเป็นส่วนของ การลงทุน สาธารณูปโภค ระบบคมนาคม ส่วนต่อขยายจากรถไฟฟ้าสายสีแดงอีก 12 กม.ซึ่งขณะนี้ที่ดินของรัฐซึ่งเป็นที่ ส.ป.ก.มีอยู่แล้ว 1,200 ไร่ แต่หากต้องซื้อพื้นที่จากเอกชน ก็จะใช้ราว 1,400-1,500 ไร่ ตั้งเป้าดึงคนทั่วโลกเข้ามาได้ 27-35 ล้านคน สร้างรายได้ทางตรงช่วงจัดงาน 6,2000 ล้านบาท จากค่าบัตรเข้าชมงาน และรายได้จากผู้สนับสนุนจัดงาน และจะมีรายได้ทางอ้อมจากการลงทุนต่อเนื่อง การจ้างงาน ให้ผลตอบแทนกับเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 6 เท่าของเงินลงทุน หรือเกือบ 2 แสนล้านบาท ซึ่งทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพี ในปีที่จัดงาน เติบโตได้ 1.3-1.4% จากการ เติบโตปกติ ระยะจัดงาน 6 เดือน คือ ม.ค.-มิ.ย. 63
***ใช้งบ 200 ลบ.ประชาสัมพันธ์ใน และ ตปท.***
ล่าสุด สสปน.ได้ลงบันทึกข้อตกลงกับสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยในการร่วมมือสนับสนุนโครงการเสนอตัว เป็นเจ้าภาพการจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป 2020 ที่ผ่านมา สมาคมได้ช่วยเรื่องการคิดธีม การจัดงาน แต่นับจากนี้ไป สมาคมจะช่วยเรื่องประชาสมัพันธ์ สร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมของคนไทยทั้งประเทศ ในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งปีนี้จะใช้งบ 10 ล้านบาท ส่วนปี 55 สสปน.ได้รับงบจากรัฐบาลมาแล้ว 100 ล้านบาท แต่ สสปน.จะขอเพิ่มอีก 90 ล้านบาท เพราะต้องใช้งบดึง 157 ประเทศทั่วโลก สนับสนุนไทยเป็นเจ้าภาพด้วย โดยเบื้องต้นเราต้องการอย่างน้อย 80 เสียงจากทั่วโลก ซึ่งทางสำนักงบประมาณระบุว่าให้ สสปน.ไปหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์อีกครั้ง เพื่อประเมินงบที่จะใช้เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ประเทศที่คาดว่าจะเป็นคู่แข่งกับประเทศไทย เสนอ บิดดิ้งงานนี้ด้วย มีประมาณ 3 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย ตุรกี และ บราซิล