บอร์ด กบง.มีมติให้เก็บเงินดีเซลเพิ่ม 1.06 บาท/ลิตร สั่งผู้ค้าลดเบนซิน 40-50 สตางค์/ลิตร มีผลพรุ่งนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้เรียกเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำมันดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติมอีกลิตรละ 1.06 บาท พร้อมทั้งให้ผู้ค้าปรับลดราคาเบนซินลงอีกลิตรละ 40-50 สตางค์ ในวันพรุ่งนี้ (10 พ.ค.)
นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวยอมรับว่า กบง.มีมติให้ผู้ค้าน้ำมันปรับลดลงราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินลงอีกลิตรละ 40-50 สตางค์ และให้เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของน้ำมันดีเซลเพิ่มอีกลิตร 1.0645 บาท รวมเป็นลิตรละ 1.40 บาท มีผลพรุ่งนี้เป็นต้นไป เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
รมว.พลังงาน ยืนยันว่า ตนเองได้ประสานงานกับทางบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ไปแล้ว เพื่อให้ปรับลดราคาน้ำมันกลุ่ม เบนซิน พรุ่งนี้ 40-50 สตางค์ต่อลิตร เพราะค่าการตลาดอยู่ที่ประมาณ 1.70-1.80 บาทต่อลิตร จึงสามารถปรับลดราคาลงได้
ขณะเดียวกัน ก็จะเจรจากับผู้ค้าน้ำมันที่จำหน่ายเบนซิน 95 ว่า จะสามารถปรับลดค่าการตลาดลงได้หรือไม่ จากที่ในขณะนี้สูงอยู่ที่ประมาณ 6.12 บาทต่อลิตร และราคาขายปลีกเฉลี่ยอยู่ที่ 49.54 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบดูไบเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา ปรับลดลงมาอยู่ที่ 101.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2554 อยู่ที่ 114.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ จากการเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่ม ทำให้ค่าการตลาดดีเซลลดลงจากลิตรละ 2.6481 บาท เหลือลิตรละ 1.58 บาท และส่งผลให้สถานภาพกองทุน มีเงินไหลเข้าวันละ 31.6 ล้านบาท จากเดิมที่ไหลออกวันละ 27.8 ล้านบาท และขณะที่กองทุนมีเงินเหลืออยู่ 725 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ราคาน้ำมันสิงคโปร์ วันนี้ระหว่างการซื้อได้ดีดตัวสูงขึ้น 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากราคาปิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 น้ำมันดิบดูไบ 101.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดีเซล 120.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เบนซิน 123.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งหากราคาตลาดโลกปรับลดลงอีกทาง กบง.ก็จะมีการประชุมเพื่อเก็บเงินกองทุนเพิ่ม
รายงานเพิ่มเติมระบุว่า ราคาน้ำมันสัปดาห์ที่แล้วลดลงอย่างรวดเร็ว น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสสหรัฐฯ ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า รวมทั้งสัปดาห์ปรับลดลงไปถึง 16.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 ที่ระดับ 97.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงในรอบสัปดาห์ที่มากที่สุด ตั้งแต่ตลาดเวสต์เท็กซัสได้เริ่มทำการซื้อขายเมื่อปี 2526
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เหตุผลหลักของราคาน้ำมันที่ลดลง เป็นผลมาจากความไม่มั่นใจการเติบโตของเศรษฐกิจยุโรป ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นอีกร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับเงินยูโร มาอยู่ที่ 1.4345 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อยูโร ภายหลังจากที่มีข่าวว่าประเทศเยอรมนีอาจประสบปัญหาหนี้สาธารณะ และประเทศกรีซอาจตัดสินใจออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปและเลิกใช้เงินสกุลยูโร
ประกอบกับธนาคารกลางยุโรปได้แสดงท่าทีต้อนรับทิศทางการปรับตัวลงของราคาน้ำมันว่าจะเป็นผลดีที่ช่วยลดแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ แม้ว่าจะไม่ได้ให้สัญญาณต่อทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด และราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมัน ภายหลังจากที่สถิติของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของสหรัฐ ปรับลดลงร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ที่ได้ออกมาเตือนถึงการปรับลดลงครั้งใหญ่ของราคาน้ำมันตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา ได้ออกรายงานว่า ราคาน้ำมันมีโอกาสที่จะปรับตัวกลับขึ้นไปใหม่และทำระดับสูงขึ้นกว่าเดิมได้ในปีหน้าเนื่องจากอุปาทานที่ตึงตัว