“พลังงาน” เตรียมปรับสูตรไบโอดีเซล บี3 เป็น บี4 เพื่อดูดซับน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกิน เดือนละ 1.5 หมื่นตัน หลังผลผลิตเริ่มออกมามาก เผยการประกาศใช้ไบโอดีเซลเกรดเดียว ทำให้ปริมาณการใช้แก๊สโซฮอร์เพิ่มขึ้น ปั๊มมีหัวจ่ายเหลือปรับไปขาย อี20 อี10 และ อี85 เตรียมเร่งแผนใช้เอทานอลเพิ่ม
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า ตอนนี้กระทรวงพลังงาน กำลังหารือกับกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อยืนยันตัวเลขสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อขยับสูตรไบโอดีเซลจาก บี3 เป็นไบโอดีเซล บี4 ในเร็วๆ นี้ พร้อมประเมินว่า ปริมาณการใช้เอทานอลจะเพิ่มสูงขึ้น หลังมีการใช้ไบโอดีเซลเกรดเดียว
นายไกรฤทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นทางกระทรวงเกษตร และกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า มีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบเดือนพฤษภาคม 2554 ที่ระดับ 2.5 แสนตัน และผลผลิตปาล์มกำลังออกสู่ตลาด ซึ่งการขยับสูตรไบโอดีเซลให้สูงขึ้น ก็จะช่วยดูดซับผลผลิตของเกษตรกร โดยทุกร้อยละของสัดส่วน บี100 เช่น ปรับจาก บี3 เป็น บี4 จะมีการใช้ น้ำมันปาล์มดิบเพิ่ม 15,000 ตันต่อเดือนเป็นต้น จากที่สูตร บี3 ขณะนี้ใช้อยู่ที่ 3 หมื่นตันต่อเดือน แต่ซึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ การผลิตไบโอดีเซลจะต้องไม่กระทบต่อการนำมาบริโภคแต่อย่างใด
นายไกรฤทธิ์ กล่าวว่า จากที่กระทรวงพลังงานมีการประกาศใช้ไบโอดีเซลเกรดเดียว (แต่ให้สามารถเพิ่มส่วนผสมในระดับ บี3 ถึง บี5) ทำให้แต่ละปั๊มมีหัวจ่ายเหลือ สามารถนำไปปรับขายผลิตภัณฑ์แก๊สโซฮอล์มากขึ้น เช่น อี20 อี10 อี85 ซึ่งจะเป็นผลดีทำให้การใช้เอทานอลขยับสูงขึ้นจาก 1.3 ล้านลิตรต่อวัน โดยปั๊ม อี85 ปัจจุบันมี 10-11 แห่ง
ทั้งนี้ บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้วางแผนจะสร้างเพิ่มขึ้นอีก 15 แห่งในปีนี้ ส่วนบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งคาดว่า จะปรับเพิ่มเช่นกัน โดยยอมรับว่าการใช้เอทานอลมีความล่าช้ากว่าแผนมาก เพราะในแผนปีนี้จะต้องมีการใช้เอทานอลถึง 3 ล้านลิตรต่อวัน
ดังนั้น กรมจะเร่งประชาสัมพันธ์การใช้ อี85 และ อี20 ให้มากขึ้น โดยในขณะนี้ประเทศไทยมีกำลังผลิตเอทานอล 2.9 ล้านลิตร จากจำนวน 19 โรงงาน และในปีนี้จะมีโรงงานก่อสร้างเสร็จอีก 5 แห่ง กำลังผลิตเพิ่มขึ้นอีก 1.8 ล้านลิตร
สำหรับแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี ในระยะแรก หรือสิ้นสุดปี 2554 ตามแผนจะต้องการใช้ใช้พลังงานทดแทนสัดส่วนร้อยละ 15.6 ของการใช้พลังงานทั้งหมด แต่จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2554 มีการใช้ในสัดส่วนร้อยละ 11.7 เท่านั้น
