ทั่วโลกเล็งเบนเข็มจ้างเซาท์อีสต์เอเซียผลิตสิ่งทอทดแทนจีน เหตุค่าแรงจีนสูงขึ้น ออร์เดอร์ทะลักเข้าไทย “ทริปเปิ้ล เอ-พลัส” แก้เกมแรงงานหายาก ล่าสุดคว้าไลเซ่นส์ “ฮัลโหลคิตตี้” ในกลุ่มซาริโอ ลุยชุดชั้นในเอาใจสาวๆ มั่นใจสิ้นปีทำรายได้ที่ 40 ล้านบาท พร้อมดันรายได้รวมเติบโต18-20%
นายทวีชัย พงษ์พันธ์เดชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ-พลัส มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ในประเทศไทย และในนามเลขาธิการ สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย (TGMA) เปิดเผยว่า ปัจจุบันศูนย์กลางการผลิตสิ่งทอที่อยู่ในประเทศจีนนั้น ค่าแรงงานมีการปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าประเทศไทยแล้ว ส่งผลให้ทั่วโลกเริ่มมองหาแหล่งการผลิตใหม่ในประเทศแถบเซาท์อีสต์เอเชียแทน ทั้งในไทย เวียดนาม กัมพูชา ลาว และพม่า ยกตัวอย่าง เช่น ญี่ปุ่น จากเดิมจ้างจีนผลิตชุดชั้นในต่อปีไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านเยน ปีนี้หันมาจ้างไทยผลิตให้กว่า 50% หรือราว 1.5ล้านล้านเยน เป็นต้น
ส่งผลให้ขณะนี้ประเทศไทยมียอดออเดอร์ด้านสิ่งทอจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ทริปเปิ้ล เอ-พลัส กลับพบว่า เรามีความพร้อมรองรับออเดอร์ชุดชั้นใน แต่ขาดเพียงเรื่องของแรงงาน เพราะปัจจุบันหาแรงงานที่ดีมีฝีมือค่อนข้างยาก ทำให้ทางบริษัทไม่สามารถรับออเดอร์หรือรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์จากต่างประเทศได้มากนัก เห็นได้จากปีที่ผ่านมาจากการที่มุ่งเน้นรับจ้างผลิตมากจนเกินไป ส่งผลให้ยอดขายในประเทศเติบโตเพียง 10% เท่านั้น เพราะแรงงานมีไม่เพียงพอ ขณะที่ตลาดรวมชุดชั้นในโต 12% ส่วนรายได้จากต่างประเทศเติบโต 8% ถือว่าใช้ได้ จากภาพรวมปีก่อนสัดส่วนส่งออกอยู่ที่ 70% ในประเทศที่ 30%
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ปีนี้ทางบริษัทต้องปรับแผนใหม่ โดยวางสัดส่วนรายได้ของในประเทศและต่างประเทศไว้ที่ 50% เท่าๆกัน ในส่วนของออเดอร์จากต่างประเทศ จะเลือกลูกค้าที่ให้ผลกำไรเป็นหลักไม่เน้นปริมาณ ขณะที่ในตลาดในประเทศนั้น จะมุ่งเน้นเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้ามากยิ่งขึ้น ล่าสุดได้ติดต่อกับทางซาริโอประเทศญี่ปุ่น ในการขอไลเซ่นส์เพื่อการพัฒนาผลิตชุดชั้นในเพื่อจำหน่ายในประเทศไทย ในคาแรคเตอร์ ฮัลโหลคิตตี้ เป็นระยะเวลา 2 ปี นับจากปี 2554 นี้
สำหรับชุดชั้นใน ฮัลโหลคิตตี้ จับกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม คือ กลุ่มGirl อายุ 8-12ปี, กลุ่มTeen อายุ 13-18 ปี และกลุ่ม Missy อายุ 19 ปีขึ้นไป ภายใต้24 คอลเลกชั่นที่เปลี่ยนไปทุกๆ 4 เดือน เบื้องต้นจำหน่ายเฉพาะช่องทางดีพาร์ทเม้นท์สโตร์กว่า 20 จุด ใน 2-3 ปี จะขยายเพิ่มเป็น 30-40 จุด ขณะที่ราคาจำหน่ายนั้นจัดอยู่ในกลุ่มพรีเมี่ยม เริ่มตั้งแต่ 800-2,000 บาท มั่นใจว่าในปีแรกจะทำรายได้กว่า 40 ล้านบาท ส่วนภาพรวมรายได้ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 18-20% โดยรายได้ในประเทศ เติบโตขึ้น 30% และต่างประเทศเติบโต 15%
นายทวีชัย กล่าวว่า ในส่วนของภาพรวมตลาดชุดชั้นในมูลค่า 10,000 ล้านบาท ปีนี้คาดเติบโต 12% ซึ่งชุดชั้นในประเภทเบสิค ที่มีคอตตอนเป็นวัตถุดิบหลัก อาจจะมีปรับราคาขึ้นบ้าง เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีมา พบว่า ราคาคอตตอนเพิ่มสูงขึ้น 30% ในส่วนของทริปเปิ้ล เอ-พลัส ที่ส่วนใหญ่ผลิตชุดชั้นในภายใต้คาแรคเตอร์ตัวการ์ตูน ทั้งกลุ่มดีสนีย์, วินนีย์ เดอะ พูห์ และฮัลโหล คิตตี้ ล้วนแต่เป็นสินค้าระดับกลุ่มพรีเมี่ยม มีการเพิ่มแวลูให้กับสินค้า ราคาจำหน่ายค่อนข้างสูงอยู่แล้ว จึงไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด
นายทวีชัย พงษ์พันธ์เดชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ-พลัส มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ในประเทศไทย และในนามเลขาธิการ สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย (TGMA) เปิดเผยว่า ปัจจุบันศูนย์กลางการผลิตสิ่งทอที่อยู่ในประเทศจีนนั้น ค่าแรงงานมีการปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าประเทศไทยแล้ว ส่งผลให้ทั่วโลกเริ่มมองหาแหล่งการผลิตใหม่ในประเทศแถบเซาท์อีสต์เอเชียแทน ทั้งในไทย เวียดนาม กัมพูชา ลาว และพม่า ยกตัวอย่าง เช่น ญี่ปุ่น จากเดิมจ้างจีนผลิตชุดชั้นในต่อปีไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านเยน ปีนี้หันมาจ้างไทยผลิตให้กว่า 50% หรือราว 1.5ล้านล้านเยน เป็นต้น
ส่งผลให้ขณะนี้ประเทศไทยมียอดออเดอร์ด้านสิ่งทอจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ทริปเปิ้ล เอ-พลัส กลับพบว่า เรามีความพร้อมรองรับออเดอร์ชุดชั้นใน แต่ขาดเพียงเรื่องของแรงงาน เพราะปัจจุบันหาแรงงานที่ดีมีฝีมือค่อนข้างยาก ทำให้ทางบริษัทไม่สามารถรับออเดอร์หรือรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์จากต่างประเทศได้มากนัก เห็นได้จากปีที่ผ่านมาจากการที่มุ่งเน้นรับจ้างผลิตมากจนเกินไป ส่งผลให้ยอดขายในประเทศเติบโตเพียง 10% เท่านั้น เพราะแรงงานมีไม่เพียงพอ ขณะที่ตลาดรวมชุดชั้นในโต 12% ส่วนรายได้จากต่างประเทศเติบโต 8% ถือว่าใช้ได้ จากภาพรวมปีก่อนสัดส่วนส่งออกอยู่ที่ 70% ในประเทศที่ 30%
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ปีนี้ทางบริษัทต้องปรับแผนใหม่ โดยวางสัดส่วนรายได้ของในประเทศและต่างประเทศไว้ที่ 50% เท่าๆกัน ในส่วนของออเดอร์จากต่างประเทศ จะเลือกลูกค้าที่ให้ผลกำไรเป็นหลักไม่เน้นปริมาณ ขณะที่ในตลาดในประเทศนั้น จะมุ่งเน้นเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้ามากยิ่งขึ้น ล่าสุดได้ติดต่อกับทางซาริโอประเทศญี่ปุ่น ในการขอไลเซ่นส์เพื่อการพัฒนาผลิตชุดชั้นในเพื่อจำหน่ายในประเทศไทย ในคาแรคเตอร์ ฮัลโหลคิตตี้ เป็นระยะเวลา 2 ปี นับจากปี 2554 นี้
สำหรับชุดชั้นใน ฮัลโหลคิตตี้ จับกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม คือ กลุ่มGirl อายุ 8-12ปี, กลุ่มTeen อายุ 13-18 ปี และกลุ่ม Missy อายุ 19 ปีขึ้นไป ภายใต้24 คอลเลกชั่นที่เปลี่ยนไปทุกๆ 4 เดือน เบื้องต้นจำหน่ายเฉพาะช่องทางดีพาร์ทเม้นท์สโตร์กว่า 20 จุด ใน 2-3 ปี จะขยายเพิ่มเป็น 30-40 จุด ขณะที่ราคาจำหน่ายนั้นจัดอยู่ในกลุ่มพรีเมี่ยม เริ่มตั้งแต่ 800-2,000 บาท มั่นใจว่าในปีแรกจะทำรายได้กว่า 40 ล้านบาท ส่วนภาพรวมรายได้ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 18-20% โดยรายได้ในประเทศ เติบโตขึ้น 30% และต่างประเทศเติบโต 15%
นายทวีชัย กล่าวว่า ในส่วนของภาพรวมตลาดชุดชั้นในมูลค่า 10,000 ล้านบาท ปีนี้คาดเติบโต 12% ซึ่งชุดชั้นในประเภทเบสิค ที่มีคอตตอนเป็นวัตถุดิบหลัก อาจจะมีปรับราคาขึ้นบ้าง เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีมา พบว่า ราคาคอตตอนเพิ่มสูงขึ้น 30% ในส่วนของทริปเปิ้ล เอ-พลัส ที่ส่วนใหญ่ผลิตชุดชั้นในภายใต้คาแรคเตอร์ตัวการ์ตูน ทั้งกลุ่มดีสนีย์, วินนีย์ เดอะ พูห์ และฮัลโหล คิตตี้ ล้วนแต่เป็นสินค้าระดับกลุ่มพรีเมี่ยม มีการเพิ่มแวลูให้กับสินค้า ราคาจำหน่ายค่อนข้างสูงอยู่แล้ว จึงไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด
