แฉน้ำมันปาล์มแพง-ล้นตลาด ส่งออกไม่ได้ จี้ “เทพเทือก” ปลดชนวน

กนป.ผวา น้ำมันปาล์มล้นตลาด แต่ส่งออกไม่ได้ เพราะต้นทุนสูงกว่าตลาดโลก โรงงานจ๊าก! ติดกับดักนโยบายตรึงราคา เผย สต๊อกเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น 2.11 แสนตัน เกินสำรองเกือบเท่าตัว ห่วงช่วง รบ.รักษาการ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อาจทำให้สินค้าค้างสต๊อกสูงถึง 4 แสนตัน กว่าจะได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาแก้ปัญหา

นางวิวรรณ บุญยประทีปรัตน์ เลขาธิการกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) กล่าวว่า ในช่วงหลังการยุบสภาและอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ ปัญหาที่อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มไทยกำลังเผชิญ คือ น้ำมันปาล์มจะเข้าสู่ภาวะล้นตลาด แต่ไม่สามารถที่จะระบายไปในตลาดโลกได้ เนื่องจากต้นทุนการผลิตถูกกำหนดไว้จากราคารับซื้อผลปาล์ม ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 6.00 บาท รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ในราคากิโลกรัมละ 36.28 บาท เป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดโลกอ้างอิงตลาดมาเลเซียที่ราคาอยู่ที่ 33-34 บาท ในขณะที่ราคาขายในประเทศถูกกำหนดตายตัวไว้ที่ลิตรละ 47 บาท ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องรอให้รัฐบาลใหม่มาช่วยเหลือ ส่วนการจะหวังพึ่งการนำไปผลิตน้ำมันไบโอดีเซล บี3 และไบโอดีเซล บี5 นั้น ก็เป็นสัดส่วนที่น้อยช่วยได้ไม่มากนัก และทางกระทรวงพลังงานก็ต้องการปริมาณการผลิตแต่ละเดือนที่แน่นอน แต่ขณะนี้ข้อมูลของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับที่จะไปแก้ไขแล้ว

สาเหตุที่น้ำมันปาล์มจะเข้าสู่ภาวะล้นตลาด เนื่องนับจากนี้ไปผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดมากขึ้นต่อเนื่อง จนสูงขึ้นเกินกว่าความต้องการในประเทศในที่สุด ซึ่งเริ่มเห็นได้จากสต๊อกคงเหลือต่อเดือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากที่ควรจะมีที่ระดับ 1.2 แสนตันเท่านั้น โดยล่าสุดเดือนเมษายน 2554 ยอดเพิ่มมาที่ 2.11 แสนตัน และจะทยอยเพิ่มมากขึ้นเป็น 4.05 แสนตันนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2554 ที่จะถึงนี้ และต่อเนื่องไปมากที่สุด 4.15 แสนตันในเดือนตุลาคม 2554 และจนถึงเดือนธันวาคม 2554 นี้ คาดว่า จะมีสต๊อกสูงถึง 4.03 แสนตัน

นางวิวรรณ กล่าวว่า โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเห็นใจเกษตรกร และเข้าใจรัฐบาล จึงยินดีให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม การที่ต้องรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มดิบ ในราคาดังกล่าว ไม่สะท้อนราคาตลาดโลกอ้างอิงตลาดมาเลเซียที่กิโลกรัมละ 33-34 บาทต่อกิโลกรัม ประกอบกับเกษตรกรขายปาล์มคุณภาพต่ำได้น้ำมันปริมาณต่ำกว่าที่กำหนด ทำให้การผลิตน้ำมันปาล์มต้องใช้ผลปาล์มมากขึ้น ในขณะที่รัฐบาลให้คงราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันพืชปาล์มชนิดบรรจุขวดขนาด 1 ลิตร ที่ 47.00 บาทต่อลิตรต่อไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2554 และจะยังต่อเนื่องไปอีก 3 เดือนของการเป็นรัฐบาลรักษาการที่เป็นช่วงสุญญากาศ ที่โรงงานสกัดจะต้องเผชิญต่อไป ในขณะที่เงินชดเชยการผลิตน้ำมันเพื่อบริโภคช่วงที่ผ่านมายังไม่ได้รับ 164 ล้านบาท ย่อมจะทำให้ผู้ประกอบการต้องขาดทุนต่อเนื่องไปอีกและอยู่อย่างลำบาก ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนราคาขายไปที่สะท้อนกลไกตลาดโลกในอนาคตหากเป็นไปได้

ส่วนผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ในวันที่ 27 เมษายน 2554 (วันนี้) ซึ่งมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้ขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามมติคณะกรรมการฯครั้งที่ 6 ที่ผ่านมา ที่กำหนดให้โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์ม รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ในราคากิโลกรัมละ 36.28 บาท ซึ่งได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา โดยให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อผลปาล์มที่มีคุณภาพเท่านั้น พร้อมติดป้ายประกาศรับซื้อผลปาล์มน้ำมันในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 6.00 บาท ที่อัตราน้ำมันจากผลปาล์มน้ำมันขั้นต่ำ 17% หากอัตราน้ำมันจากผลปาล์มเกิน 17% ให้ปรับราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันในสัดส่วนที่สอดคล้องกัน รวมทั้งให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มมีสิทธิปฏิเสธการรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน หากเกษตรกรเก็บเกี่ยวผลปาล์มน้ำมันไม่มีคุณภาพ