“โออิชิ” แตกซับแบรนด์ ฟรุตโตะ ลุยตลาดชาเขียวผสมน้ำผลไม้ จับกลุ่มเด็กวัยรุ่น 12-19 ปี อัดงบตลาด 100 ล้านบาท ปั้นเต็มที่ ซุ่มซับแบรนด์อีกกลุ่มใหม่ พร้อมเตรียมทุ่มงบอีก 1,000 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตปีหน้า
นายแมทธิว กิจโอธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้แตกซับแบรนด์ของโออิชิ เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ของกลุ่มเครื่องดื่มชื่อ แบรนด์ โออิชิ ฟรุตโตะ เป็นกลุ่มน้ำชาเขียวผสมน้ำผลไม้ จับกลุ่มเด็กอายุ 12-19 ปีโดยเฉพาะ และในอนาคตเตรียมออกซับแบรนด์ในแต่ละกลุ่ม เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกันไป เพื่อสร้างการเติบโตให้โออิชิ ทะลุ 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเครื่องดื่ม 60,000 ล้านบาท และอาหาร 5,000 ล้านบาท โดยโออิชิ ฟรุตโตะ คาดว่า จะทำยอดขายปีแรก 500 ล้านบาท และใน 3 ปี จะเท่ากับ 1,500 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในปีหน้าวางแผนลงทุนอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มที่โรงงานนวนคร จากที่เพิ่งเพิ่มกำลังผลิตปีนี้ด้วยงบลงทุน 1,400 ล้านบาท เพิ่มผลิตเป็น 40 ล้านขวดต่อเดือนจากเดิม 25 ล้านขวดต่อเดือน โดยส่วนหนึ่งแตกไลน์ออกมาเป็นโออิชิ ฟรุตโตะ ซึ่งจะเน้นผลิตแบบขวดขนาด 350 มล.ราคา 12 บาท เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายเด็กลง และเน้นช่องทางตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เป็นการขยายฐาน โดยวางเป้าหมายสัดส่วนช่องทางขายปีนี้ระหว่างโมเดิร์นเทรดกับเทรดดิชันนัลเทรดเท่ากันที่ 50% จากเดิม ช่องทางโมเดิร์นเทรด 60% และ เทรดดิชันแนลเทรด 40%
สาเหตุที่หันมาเจาะขนาด 350 มล.นอกจากจะขยายกลุ่มเด็กแล้ว ยังเป็นการรองรับกับตลาดขนาดบรรจุภัณฑ์ขนาดนี้ที่มีสัดส่วนใหญ่เป็นอันดับสองในตลาดเครื่องดื่ม คือ 27% ของตลาด ขณะที่ ขนาด 400-500 มล.นั้น มีสัดส่วนใหญ่สุด คือ 49% ซึ่งโออิชิครองตลาดอยู่แล้ว จกามูลค่าตลาดรวมที่ไม่ใช่แอลกอฮอลล์ในไทยประมาณ 162,000 ล้านบาท
สำหรับตลาดชาเขียวปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท เติบโต 25% ส่วนโออิชิ เติบโต 33% และตลาดน้ำผลไม้มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท เติบโต 20% ทำให้โออิชินำสองตลาดนี้มารวมกัน เป็นซับแบรนด์ เพื่อหวังยอดขายตัวใหม่นี้ 500 ล้านบาทในปีแรก โดยใช้งบตลาดรวม 100 ล้านบาท สำหรับตัวใหม่นี้ และนำ “ณเดช คูกิมิยะ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และการตลาดครบวงจร
ทั้งนี้ โออิชิ ยังครองความเป็นผู้นำตลาดชาเขียวโดยรวม ด้วยส่วนแบ่ง 60% ส่วนคู่แข่งอันดับสองมีแชร์ 20% เท่านั้น และตั้งเป้าหมายรวมโออิชิมีส่วนแบ่งตลาดปีนี้ที่ 65% จากพอร์ตโฟลิโอของโออิชิขณะนี้แบ่งสัดส่วนรายได้เป็น โออิชิ 90% อะมิโนโอเคพลัส 7% และคอฟฟี่โอ 3%
นายแมทธิว กิจโอธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้แตกซับแบรนด์ของโออิชิ เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ของกลุ่มเครื่องดื่มชื่อ แบรนด์ โออิชิ ฟรุตโตะ เป็นกลุ่มน้ำชาเขียวผสมน้ำผลไม้ จับกลุ่มเด็กอายุ 12-19 ปีโดยเฉพาะ และในอนาคตเตรียมออกซับแบรนด์ในแต่ละกลุ่ม เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกันไป เพื่อสร้างการเติบโตให้โออิชิ ทะลุ 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเครื่องดื่ม 60,000 ล้านบาท และอาหาร 5,000 ล้านบาท โดยโออิชิ ฟรุตโตะ คาดว่า จะทำยอดขายปีแรก 500 ล้านบาท และใน 3 ปี จะเท่ากับ 1,500 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในปีหน้าวางแผนลงทุนอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มที่โรงงานนวนคร จากที่เพิ่งเพิ่มกำลังผลิตปีนี้ด้วยงบลงทุน 1,400 ล้านบาท เพิ่มผลิตเป็น 40 ล้านขวดต่อเดือนจากเดิม 25 ล้านขวดต่อเดือน โดยส่วนหนึ่งแตกไลน์ออกมาเป็นโออิชิ ฟรุตโตะ ซึ่งจะเน้นผลิตแบบขวดขนาด 350 มล.ราคา 12 บาท เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายเด็กลง และเน้นช่องทางตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เป็นการขยายฐาน โดยวางเป้าหมายสัดส่วนช่องทางขายปีนี้ระหว่างโมเดิร์นเทรดกับเทรดดิชันนัลเทรดเท่ากันที่ 50% จากเดิม ช่องทางโมเดิร์นเทรด 60% และ เทรดดิชันแนลเทรด 40%
สาเหตุที่หันมาเจาะขนาด 350 มล.นอกจากจะขยายกลุ่มเด็กแล้ว ยังเป็นการรองรับกับตลาดขนาดบรรจุภัณฑ์ขนาดนี้ที่มีสัดส่วนใหญ่เป็นอันดับสองในตลาดเครื่องดื่ม คือ 27% ของตลาด ขณะที่ ขนาด 400-500 มล.นั้น มีสัดส่วนใหญ่สุด คือ 49% ซึ่งโออิชิครองตลาดอยู่แล้ว จกามูลค่าตลาดรวมที่ไม่ใช่แอลกอฮอลล์ในไทยประมาณ 162,000 ล้านบาท
สำหรับตลาดชาเขียวปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท เติบโต 25% ส่วนโออิชิ เติบโต 33% และตลาดน้ำผลไม้มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท เติบโต 20% ทำให้โออิชินำสองตลาดนี้มารวมกัน เป็นซับแบรนด์ เพื่อหวังยอดขายตัวใหม่นี้ 500 ล้านบาทในปีแรก โดยใช้งบตลาดรวม 100 ล้านบาท สำหรับตัวใหม่นี้ และนำ “ณเดช คูกิมิยะ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และการตลาดครบวงจร
ทั้งนี้ โออิชิ ยังครองความเป็นผู้นำตลาดชาเขียวโดยรวม ด้วยส่วนแบ่ง 60% ส่วนคู่แข่งอันดับสองมีแชร์ 20% เท่านั้น และตั้งเป้าหมายรวมโออิชิมีส่วนแบ่งตลาดปีนี้ที่ 65% จากพอร์ตโฟลิโอของโออิชิขณะนี้แบ่งสัดส่วนรายได้เป็น โออิชิ 90% อะมิโนโอเคพลัส 7% และคอฟฟี่โอ 3%