ศูนย์พยากรณ์ฯ ม.หอการค้า เชื่อกองกำลัง “ยูเอ็น” ถล่มลิเบีย ไม่กระทบราคาน้ำมัน เพราะเป็นแหล่งอุปทานสำคัญป้อนยุโรป มั่นใจไม่ทะลุ 120 ดอลลาร์/บาเรล ส่วนเหตุภัยพิบัติในญี่ปุ่น ไม่กระทบจีดีพีมากนัก แต่สิ่งที่น่าห่วง คือ หนี้สาธารณะอาจพุ่งถึง 200%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวในงานประชุมวิชาการของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประจำปีการศึกษา 2553 ว่า ราคาน้ำมันเฉลี่ยในตลาดโลกไม่น่าจะปรับตัวสูงเกิน 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ว่ากองกำลังของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นำโดยอังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ จะเปิดฉากโจมตีประเทศลิเบีย เนื่องจากการดำเนินการของยูเอ็นจะทำให้สถานการณ์สงบลงโดยเร็ว และดูแลระมัดระวังแหล่งผลิตน้ำมันในประเทศลิเบีย เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตน้ำมันป้อนยุโรป ดังนั้น จึงเชื่อว่า สถานการณ์จะคลี่คลายลงใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่ผ่านมา ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันในประเทศลิเบียลดลงจาก 1.6 ล้านบาร์เรล เหลือเพียง 800,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ทั่วโลกมีความกังวลต่อสถานการณ์ซาอุดีอาระเบียมากกว่า เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ลำดับต้นของโลก และเป็นแหล่งผลิตที่ชดเชยกำลังการผลิตน้ำมันที่หายไปจากสถานการณ์ในประเทศลิเบีย
ส่วนเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่นจะกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศญี่ปุ่น เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยคาดว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นทั้งปีจะลดลงจากเดิมที่คาดไว้ร้อยละ 1.6 เป็น ร้อยละ 1.1-1.3 และไม่กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4 เนื่องจากมาตรการที่รัฐบาลญี่ปุ่นอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นตัวกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระมัดระวัง คือ หนี้สาธารณะของญี่ปุ่นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 จากเดิมสูงถึงร้อยละ 200 ซึ่งอาจกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น