“สมาคมมีเดียเอเยนซี” ประกาศใช้กฎเหล็ก ลูกค้าต้องชำระค่าธรรมเนียม 1 แสนบาท ก่อนเรียกใช้งาน หวังช่วยยกระดับปรับปรุงการทำงานของเหล่าเอเยนซี มั่นใจสิ้นปีภาพรวมโฆษณายังเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10%
นางไพจิตร เทียนทอง นายกสมาคม มีเดียเอเยนซี และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา พฤติกรรมลูกค้าที่ต้องการใช้งานเอเยนซีและสื่อนั้น จะมีการเรียกให้เข้าไปพิทช์ หรือเสนองานหลายครั้ง และมีตัวเลือกมากมาย ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบให้กลุ่มเอเยนซี และธุรกิจสื่อทำงานกันหนักขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการเตรียมวางแผนงานเพื่อนำเสนอนั้น ล้วนแต่ต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยการนำเสนองานนั้น ในหลายครั้งลูกค้าก็ให้มีการพิทช์งานหลายๆ รอบ กว่าจะได้งานนั้นมา ในแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 3-5 ครั้ง ส่งผลให้มีการตัดราคาเพื่อให้ได้งานเกิดขึ้น
ล่าสุด ทางสมาคมได้ประกาศใช้ข้อบังคับฉบับใหม่ขึ้น เกี่ยวกับการเสนองานให้แก่ลูกค้า ซึ่งเรียกว่า “ข้อบังคับว่าด้วยการเสนองานวางแผนและซื้อสื่อโฆษณา” มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2554 พร้อมได้ยกเลิกข้อบังคับว่าด้วยการแข่งขันเสนองานวางแผนและซื้อสื่อโฆษณาฉบับเก่า โดยมีสาระสำคัญ คือ ลูกค้าที่เรียกมีเดียเอเยนซีเสนองาน ไม่ว่าจะมีการแข่งขันกับมีเดียเอเยนซีอื่นหรือไม่ ต้องชำระค่าธรรมเนียมให้กับมีเดียเอเยนซีแห่งละ 1 แสนบาท ก่อนเสนองาน โดยค่าธรรมเนียมนี้ ทางสมาคมจะเป็นผู้เรียกเก็บกับลูกค้า และลูกค้าจะได้รับคืนเมื่อมีการเซ็นสัญญาว่าจ้างบริษัทมีเดียเอเยนซีแล้ว
สำหรับข้อดีของข้อบังคับใหม่นี้ จะช่วยให้บริษัทเอเยนซีทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งงานไม่หนักจนเกินไป รวมถึงลดการแข่งขัน มุ่งเรื่องการทำงานร่วมกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น พร้อมส่งผลให้การทำสัญญากับลูกค้ามีระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น หลังจากระยะหลังจะเป็นบายโปรเจกต์หรือทำในระยะสั้นแบบปีต่อปีมากขึ้น
ภาพรวมของธุรกิจโฆษณาในปีนี้ คาดว่า จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% โดยในไตรมาส 1 และ 2 นี้ มีแนวโน้มเติบโตที่ดีอยู่ ทั้งนี้ หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ช่วงเวลานั้นในส่วนของลูกค้าอาจจะมีการชะลอการใช้สื่อบ้าง หลังจากนั้น ก็จะกลับมาใช้สื่ออีกครั้ง ทั้งนี้ มองว่า ปัจจัยทางการเมือง รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ภัยธรรมชาติ ล้วนแต่เป็นปัจจัยลบที่อาจจะส่งผลกระทบกับภาพรวมโฆษณาได้
นางไพจิตร เทียนทอง นายกสมาคม มีเดียเอเยนซี และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา พฤติกรรมลูกค้าที่ต้องการใช้งานเอเยนซีและสื่อนั้น จะมีการเรียกให้เข้าไปพิทช์ หรือเสนองานหลายครั้ง และมีตัวเลือกมากมาย ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบให้กลุ่มเอเยนซี และธุรกิจสื่อทำงานกันหนักขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการเตรียมวางแผนงานเพื่อนำเสนอนั้น ล้วนแต่ต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยการนำเสนองานนั้น ในหลายครั้งลูกค้าก็ให้มีการพิทช์งานหลายๆ รอบ กว่าจะได้งานนั้นมา ในแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 3-5 ครั้ง ส่งผลให้มีการตัดราคาเพื่อให้ได้งานเกิดขึ้น
ล่าสุด ทางสมาคมได้ประกาศใช้ข้อบังคับฉบับใหม่ขึ้น เกี่ยวกับการเสนองานให้แก่ลูกค้า ซึ่งเรียกว่า “ข้อบังคับว่าด้วยการเสนองานวางแผนและซื้อสื่อโฆษณา” มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2554 พร้อมได้ยกเลิกข้อบังคับว่าด้วยการแข่งขันเสนองานวางแผนและซื้อสื่อโฆษณาฉบับเก่า โดยมีสาระสำคัญ คือ ลูกค้าที่เรียกมีเดียเอเยนซีเสนองาน ไม่ว่าจะมีการแข่งขันกับมีเดียเอเยนซีอื่นหรือไม่ ต้องชำระค่าธรรมเนียมให้กับมีเดียเอเยนซีแห่งละ 1 แสนบาท ก่อนเสนองาน โดยค่าธรรมเนียมนี้ ทางสมาคมจะเป็นผู้เรียกเก็บกับลูกค้า และลูกค้าจะได้รับคืนเมื่อมีการเซ็นสัญญาว่าจ้างบริษัทมีเดียเอเยนซีแล้ว
สำหรับข้อดีของข้อบังคับใหม่นี้ จะช่วยให้บริษัทเอเยนซีทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งงานไม่หนักจนเกินไป รวมถึงลดการแข่งขัน มุ่งเรื่องการทำงานร่วมกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น พร้อมส่งผลให้การทำสัญญากับลูกค้ามีระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น หลังจากระยะหลังจะเป็นบายโปรเจกต์หรือทำในระยะสั้นแบบปีต่อปีมากขึ้น
ภาพรวมของธุรกิจโฆษณาในปีนี้ คาดว่า จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% โดยในไตรมาส 1 และ 2 นี้ มีแนวโน้มเติบโตที่ดีอยู่ ทั้งนี้ หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ช่วงเวลานั้นในส่วนของลูกค้าอาจจะมีการชะลอการใช้สื่อบ้าง หลังจากนั้น ก็จะกลับมาใช้สื่ออีกครั้ง ทั้งนี้ มองว่า ปัจจัยทางการเมือง รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ภัยธรรมชาติ ล้วนแต่เป็นปัจจัยลบที่อาจจะส่งผลกระทบกับภาพรวมโฆษณาได้
