ไอ.ซี.ซี.เร่งปรับรองเท้าแนทเจอร์ไลเซอร์สู่เอ็นไฟว์ตามบริษัทแม่ที่อเมริกา ย้ำต้นทุนผลิตขึ้น ยังแบกรับอยู่ หาวิธีลดต้นทุน เร่งขยายเคาน์เตอร์อีก 28 แห่ง หวังเพิ่มแชร์ปีนี้เป็น 30%
นายคณิศร สุยะนันทน์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์รองเท้า บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปลายปีนี้บริษัทฯจะปรับสินค้ารองเท้าแนทเจอร์ไลเซอร์ ให้เป็นคอนเซ็ปท์ แนทเจอร์ไลเซอร์ คอมฟอร์ท เอ็น ไฟว์ เอเลเมนท์ ให้หมด ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 20% และกลางปีนี้จะปรับเป็น 50% เพื่อให้เป็นไปตามคอนเซ็ปท์เดียวกับบริษัทแม่ที่อเมริกาที่เริ่มเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว เพื่อตอกย้ำการเป็นรองเท้าที่ใส่สบายและดีต่อสุขภาพเท้า
ทั้งนี้บริษัทฯต้องพัฒนาและวิจัยตัวสินค้าและวัตถุดิบเพื่อให้สอดรับกับเทคโนโลยีของอเมริกา ซึ่งไทยเป็น 1 ใน 3 ประเทศฐานการผลิตของแนทเจอร์ไลเซอร์อเมริกา โดยส่งออกญี่ปุ่นเป็นหลักกว่า 50% และขายในไทย 50% ขณะที่ต้นทุนการผลิตในเวลานี้สูงขึ้นอย่างมากจากราคาน้ำมัน หนังแท้ที่ราคาสูงขึ้น 25% รวมทั้งยางเทียมที่เพิ่มขึ้นอีก 10% แต่บริษัทฯยังไม่ได้ปรับราคาสินค้า ทั้งคอลเลคชั่นเก่าและคอลเลคชั่นเอ็นไฟว์
“เราต้องหาวิธีการอื่นแทนในการลดต้นทุน เช่น การออกแบบ การลดการสูญเสียในการผลิต การลดการทำซ้อน ด้วยการผลิตให้ถูกต้องมากขึ้น เพราะเราเองต้องนำเข้าวัตถุดิบเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ส่งออกแบบรองเท้าสำเร็จรูป เราต้องปรับตัวตามต้นทุนที่แท้จริง เพราะจะขึ้นราคาสินค้าตรงๆเลยคงทำไม่ได้ง่ายๆ รองเท้าแนทเจอร์ไลเซอร์ คอมฟอร์ท เอ็น ไฟว์ เอเลเมนท์ คือการผลิตรองเท้าที่คำนึงถึงหลัก 5 ประการสำคัญคือ ความยืดหยุ่น ความเบา ความสมดุล ความนุ่มและความสามารถในการระบายอากาศ มี 5 สีคือ ฟ้า ม่วง ดำ แดง น้ำตาล ราคาเริ่มต้นที่ 1,690 บาท
สำหรับแผนลงทุนปีนี้จะเปิดสแตนด์อโลนชอปอีก 1 แห่ง คาดว่าจะเปิดที่เซ็นทรัลพระรามเก้า จากปัจจุบันมีแห่งเดียวที่เซ็นทรัลเวิลด์ และขยายจุดจำหน่ายแบบเคาน์เตอร์อีก ประมาณ 28 แห่ง จากปัจจุบันมีประมาณ 140 แห่งในห้างสรรพสินค้า ส่วนด้านผลิตภัณฑ์นั้นปีนี้จะมีการออกคอลเลคชั่นใหม่ประมาณ 5 ครั้ง ซึ่งในส่วนของเอ็นไฟว์นี้ คาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายเพิ่ม 10% และจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรวมอีก 10% ส่งผลให้สิ้นปีนี้จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 30% จากปีที่แล้วมีส่วนแบ่ง 20% จากปริมาณตลาดรวมกว่า 200,000 คู่ต่อเดือนในช่องทางห้างสรรพสินค้า ในเซ็กเม้นท์รองเท้าที่สวมใส่สบายและเพื่อสุขภาพ ตั้งเป้าหมายเติบโตปีนี้ 25% เพิ่มจากปีที่แล้วที่เติบโต 10% ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยที่ตั้งไว้ที่ 12% ถือเป็นผู้นำในระดับท็อปทรี
นายคณิศร สุยะนันทน์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์รองเท้า บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปลายปีนี้บริษัทฯจะปรับสินค้ารองเท้าแนทเจอร์ไลเซอร์ ให้เป็นคอนเซ็ปท์ แนทเจอร์ไลเซอร์ คอมฟอร์ท เอ็น ไฟว์ เอเลเมนท์ ให้หมด ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 20% และกลางปีนี้จะปรับเป็น 50% เพื่อให้เป็นไปตามคอนเซ็ปท์เดียวกับบริษัทแม่ที่อเมริกาที่เริ่มเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว เพื่อตอกย้ำการเป็นรองเท้าที่ใส่สบายและดีต่อสุขภาพเท้า
ทั้งนี้บริษัทฯต้องพัฒนาและวิจัยตัวสินค้าและวัตถุดิบเพื่อให้สอดรับกับเทคโนโลยีของอเมริกา ซึ่งไทยเป็น 1 ใน 3 ประเทศฐานการผลิตของแนทเจอร์ไลเซอร์อเมริกา โดยส่งออกญี่ปุ่นเป็นหลักกว่า 50% และขายในไทย 50% ขณะที่ต้นทุนการผลิตในเวลานี้สูงขึ้นอย่างมากจากราคาน้ำมัน หนังแท้ที่ราคาสูงขึ้น 25% รวมทั้งยางเทียมที่เพิ่มขึ้นอีก 10% แต่บริษัทฯยังไม่ได้ปรับราคาสินค้า ทั้งคอลเลคชั่นเก่าและคอลเลคชั่นเอ็นไฟว์
“เราต้องหาวิธีการอื่นแทนในการลดต้นทุน เช่น การออกแบบ การลดการสูญเสียในการผลิต การลดการทำซ้อน ด้วยการผลิตให้ถูกต้องมากขึ้น เพราะเราเองต้องนำเข้าวัตถุดิบเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ส่งออกแบบรองเท้าสำเร็จรูป เราต้องปรับตัวตามต้นทุนที่แท้จริง เพราะจะขึ้นราคาสินค้าตรงๆเลยคงทำไม่ได้ง่ายๆ รองเท้าแนทเจอร์ไลเซอร์ คอมฟอร์ท เอ็น ไฟว์ เอเลเมนท์ คือการผลิตรองเท้าที่คำนึงถึงหลัก 5 ประการสำคัญคือ ความยืดหยุ่น ความเบา ความสมดุล ความนุ่มและความสามารถในการระบายอากาศ มี 5 สีคือ ฟ้า ม่วง ดำ แดง น้ำตาล ราคาเริ่มต้นที่ 1,690 บาท
สำหรับแผนลงทุนปีนี้จะเปิดสแตนด์อโลนชอปอีก 1 แห่ง คาดว่าจะเปิดที่เซ็นทรัลพระรามเก้า จากปัจจุบันมีแห่งเดียวที่เซ็นทรัลเวิลด์ และขยายจุดจำหน่ายแบบเคาน์เตอร์อีก ประมาณ 28 แห่ง จากปัจจุบันมีประมาณ 140 แห่งในห้างสรรพสินค้า ส่วนด้านผลิตภัณฑ์นั้นปีนี้จะมีการออกคอลเลคชั่นใหม่ประมาณ 5 ครั้ง ซึ่งในส่วนของเอ็นไฟว์นี้ คาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายเพิ่ม 10% และจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรวมอีก 10% ส่งผลให้สิ้นปีนี้จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 30% จากปีที่แล้วมีส่วนแบ่ง 20% จากปริมาณตลาดรวมกว่า 200,000 คู่ต่อเดือนในช่องทางห้างสรรพสินค้า ในเซ็กเม้นท์รองเท้าที่สวมใส่สบายและเพื่อสุขภาพ ตั้งเป้าหมายเติบโตปีนี้ 25% เพิ่มจากปีที่แล้วที่เติบโต 10% ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยที่ตั้งไว้ที่ 12% ถือเป็นผู้นำในระดับท็อปทรี