บอร์ด กสท เตรียมฟ้อง ครม.ชุดอนุมัติให้เก็บภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม ทำให้ กสท เสียหาย 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ทีโอทีฟ้องแพ่งเอไอเอส ด้านเอไอเอสยื่นคำขาดไม่ถอนหนังสือเรียกค่าเสียหาย (Notice) ฟ้องบอร์ดรายบุคคล
วานนี้ (24 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท กสท โทรคมนาคม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เดินทางเข้าพบ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อรายงานมติการประชุมบอร์ด เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท กล่าวว่า บอร์ดได้มีมติจะดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีมติไม่ชอบว่าด้วยการหักส่วนแบ่งรายได้ 10% ไปเป็นภาษีสรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม ซึ่งส่งผลให้ กสท ได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่า 4 หมื่นล้านบาท และในวันที่ 25 ก.พ.นี้จะเดินทางไปยังกระทรวงการคลังเพื่อศึกษาแนวทางการฟ้องร้อง ก่อนตัดสินใจยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในวันเดียวกัน ก่อนหมดอายุความในวันที่ 26 ก.พ.54
สำหรับกรณีการยื่นฟ้องคู่สัญญาสัมปทานกับเอกชน คือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค บริษัท ทรูมูฟ และ บริษัท ดิจิตอลโฟน หรือ ดีพีซี ได้ดำเนินการไปแล้ว ก่อนศาลมีคำพิพากษา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของอนุญาโตตุลาการ
นายจิรายุทธ กล่าวว่า การแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยืนยันว่า กสท ไม่เสียประโยชน์ เพราะที่ผ่านมาการแก้ไขสัญญา กสท ได้ประโยชน์จากส่วนแบ่งรายได้เพิ่ม และทรัพย์สินที่รับโอนตามสัญญา ที่รวมมูลค่าแล้วรายได้ของ กสท ไม่ได้หายไป ซึ่งจะได้รายงานให้คณะกรรมการเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่มี นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นประธาน รับทราบในวันที่ 25 ก.พ.นี้
ด้าน นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานบอร์ด ทีโอที กล่าวว่า ทีโอที มีนโยบายที่จะฟ้องร้องคู่สัญญา คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการยื่นหนังสือเรียกค่าเสียหาย (Notice) ไปถึงแล้ว กระบวนการจากนี้ขึ้นกับหน่วยงาน ไม่จำเป็นต้องรายงานต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)
นายนพณัฏฐ์ หุตะเจริญ รักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที กล่าวว่า ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทีโอทีและจะฟ้องทางแพ่งมีมูลค่าประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ นายจุติ กล่าวว่า ได้ให้นโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วว่า 2 หน่วยงานต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ภาครัฐมากที่สุด ยืนยันไม่ได้เลือกปฏิบัติ และต้องทำตามหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
“การฟ้องร้องขึ้นอยู่กับ 2 หน่วยงาน หลังจากนี้ คงต้องรอคำตอบจากภาคเอกชน ที่จะส่งมายังคณะกรรมการเจรจาการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ ก่อนเสนอมาที่ผม จากนั้นจะนำเข้าสู่ครม.ต่อไป หากจะนำไปสู่กระบวนการฟ้องร้อง มีเวลาดำเนินการถึงวันที่ 28 ก.พ.54 แต่ถ้าคำตอบภาคเอกชนมีแนวโน้มไปสู่การเจรจาที่ดี ก็สามารถยื่นขอครม.ขยายเวลาออกไปอีกได้ และผมก็ได้ตำหนิ นายหรรษา ชีวะพฤกษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกฎหมาย กสท ว่า เหตุใดถึงตัดสินใจจะฟ้องตอนนี้ ทั้งที่ผ่านมานานแล้วเกือบปี”
นายจุติ กล่าวถึงกรณีที่บอร์ดทีโอทีลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ว่า ได้รับแจ้งว่าเป็นผลจากที่เอไอเอส ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนถึงคณะกรรมการทีโอทีทุกคนโดยตรงถึงที่บ้าน
“แต่เรื่องนี้ผมอยากตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่จัดส่งไปที่ทีโอทีทำไมต้องส่งไปที่บ้าน”
รมว.ไอซีที กล่าวว่า จากการโทรศัพท์สอบถามไปที่กรรมการที่รู้จักเพื่อสอบถามถึงสาเหตุของการลาออก ก็รู้ว่าเพราะเอไอเอส ได้ส่งหนังสือฟ้องร้องกรรมการแต่ละคนโดยตรง ทำให้เกิดความกังวล และเข้าใจบอร์ด และไม่ได้ตำหนิแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม กรรมการที่คงเหลืออยู่ 7 คน ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ และประชุมบอร์ดต่อไปได้
นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะผู้บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า เหตุที่ส่งจดหมายไปที่บ้านบอร์ดทีโอทีโดยตรงนั้น เนื่องจากที่ทีโอที ไม่มีผู้รับจดหมาย จึงจำเป็นต้องส่งถึงที่บ้านเพื่อให้ถึงมือถือผู้รับ
การที่เอไอเอสส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการ (บอร์ด) ทีโอที ทั้ง 12 ท่าน ให้ถอนการพิจารณาที่จะฟ้องให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 7 หมื่นล้านบาท จากการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน (พรีเพด) และการไม่นำส่งรายได้จากการบริการโรมมิ่ง เนื่องจากเป็นขั้นตอนการดำเนินการของฝ่ายกฎหมาย ที่จะต้องปฏิบัติ ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิบัติตามกระบวนการหลังจากที่ ทีโอที ได้ยื่นหนังแจ้งเตือน และมีกำหนดให้บริษัทต้องชำระค่าเสียหายภายในวันที่ 15 ก.พ.54
“การกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นการข่มขู่เพื่อจะฟ้องบอร์ดทุกท่าน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บอร์ดแต่ละท่านจะต้องพิจารณาว่าถูกหรือไม่ ซึ่งแต่ละท่านจะต้องรับผิดชอบ เพราะเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการอยู่แล้ว ส่วนการลาออกของบอร์ดทีโอทีนั้นน่าจะเป็นเรื่องของบอร์ดเอง ไม่น่าจะเกี่ยวกับหนังสือที่ทางบริษัทส่งไป”
พร้อนกันนี้ เอไอเอสจะส่งหนังสือไปยังกระทรวงไอซีที ตามที่นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที กำหนดให้ยื่นเอกสารในวันที่ 25 ก.พ.54 โดยเอกสารดังกล่าวมีหลายประเด็นด้วยกัน ซึ่งเรื่องที่บอร์ดเอไอเอสเป็นผู้พิจารณา
การที่ผู้บริหาร กสท และทีโอทีต้องยื่นฟ้องรัฐบาลเนื่องจากมีหนังสือด่วนลงวันที่ 23 ก.พ. 54 จากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งลงชื่อ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีส่งถึงผู้บริหาร กสท และทีโอทีในลักษณะเดียวกัน ทำให้ผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจต้องดำเนินการตาม เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
วานนี้ (24 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท กสท โทรคมนาคม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เดินทางเข้าพบ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อรายงานมติการประชุมบอร์ด เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท กล่าวว่า บอร์ดได้มีมติจะดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีมติไม่ชอบว่าด้วยการหักส่วนแบ่งรายได้ 10% ไปเป็นภาษีสรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม ซึ่งส่งผลให้ กสท ได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่า 4 หมื่นล้านบาท และในวันที่ 25 ก.พ.นี้จะเดินทางไปยังกระทรวงการคลังเพื่อศึกษาแนวทางการฟ้องร้อง ก่อนตัดสินใจยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในวันเดียวกัน ก่อนหมดอายุความในวันที่ 26 ก.พ.54
สำหรับกรณีการยื่นฟ้องคู่สัญญาสัมปทานกับเอกชน คือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค บริษัท ทรูมูฟ และ บริษัท ดิจิตอลโฟน หรือ ดีพีซี ได้ดำเนินการไปแล้ว ก่อนศาลมีคำพิพากษา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของอนุญาโตตุลาการ
นายจิรายุทธ กล่าวว่า การแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยืนยันว่า กสท ไม่เสียประโยชน์ เพราะที่ผ่านมาการแก้ไขสัญญา กสท ได้ประโยชน์จากส่วนแบ่งรายได้เพิ่ม และทรัพย์สินที่รับโอนตามสัญญา ที่รวมมูลค่าแล้วรายได้ของ กสท ไม่ได้หายไป ซึ่งจะได้รายงานให้คณะกรรมการเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่มี นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นประธาน รับทราบในวันที่ 25 ก.พ.นี้
ด้าน นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานบอร์ด ทีโอที กล่าวว่า ทีโอที มีนโยบายที่จะฟ้องร้องคู่สัญญา คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการยื่นหนังสือเรียกค่าเสียหาย (Notice) ไปถึงแล้ว กระบวนการจากนี้ขึ้นกับหน่วยงาน ไม่จำเป็นต้องรายงานต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)
นายนพณัฏฐ์ หุตะเจริญ รักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที กล่าวว่า ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทีโอทีและจะฟ้องทางแพ่งมีมูลค่าประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ นายจุติ กล่าวว่า ได้ให้นโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วว่า 2 หน่วยงานต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ภาครัฐมากที่สุด ยืนยันไม่ได้เลือกปฏิบัติ และต้องทำตามหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
“การฟ้องร้องขึ้นอยู่กับ 2 หน่วยงาน หลังจากนี้ คงต้องรอคำตอบจากภาคเอกชน ที่จะส่งมายังคณะกรรมการเจรจาการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ ก่อนเสนอมาที่ผม จากนั้นจะนำเข้าสู่ครม.ต่อไป หากจะนำไปสู่กระบวนการฟ้องร้อง มีเวลาดำเนินการถึงวันที่ 28 ก.พ.54 แต่ถ้าคำตอบภาคเอกชนมีแนวโน้มไปสู่การเจรจาที่ดี ก็สามารถยื่นขอครม.ขยายเวลาออกไปอีกได้ และผมก็ได้ตำหนิ นายหรรษา ชีวะพฤกษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกฎหมาย กสท ว่า เหตุใดถึงตัดสินใจจะฟ้องตอนนี้ ทั้งที่ผ่านมานานแล้วเกือบปี”
นายจุติ กล่าวถึงกรณีที่บอร์ดทีโอทีลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ว่า ได้รับแจ้งว่าเป็นผลจากที่เอไอเอส ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนถึงคณะกรรมการทีโอทีทุกคนโดยตรงถึงที่บ้าน
“แต่เรื่องนี้ผมอยากตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่จัดส่งไปที่ทีโอทีทำไมต้องส่งไปที่บ้าน”
รมว.ไอซีที กล่าวว่า จากการโทรศัพท์สอบถามไปที่กรรมการที่รู้จักเพื่อสอบถามถึงสาเหตุของการลาออก ก็รู้ว่าเพราะเอไอเอส ได้ส่งหนังสือฟ้องร้องกรรมการแต่ละคนโดยตรง ทำให้เกิดความกังวล และเข้าใจบอร์ด และไม่ได้ตำหนิแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม กรรมการที่คงเหลืออยู่ 7 คน ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ และประชุมบอร์ดต่อไปได้
นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะผู้บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า เหตุที่ส่งจดหมายไปที่บ้านบอร์ดทีโอทีโดยตรงนั้น เนื่องจากที่ทีโอที ไม่มีผู้รับจดหมาย จึงจำเป็นต้องส่งถึงที่บ้านเพื่อให้ถึงมือถือผู้รับ
การที่เอไอเอสส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการ (บอร์ด) ทีโอที ทั้ง 12 ท่าน ให้ถอนการพิจารณาที่จะฟ้องให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 7 หมื่นล้านบาท จากการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน (พรีเพด) และการไม่นำส่งรายได้จากการบริการโรมมิ่ง เนื่องจากเป็นขั้นตอนการดำเนินการของฝ่ายกฎหมาย ที่จะต้องปฏิบัติ ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิบัติตามกระบวนการหลังจากที่ ทีโอที ได้ยื่นหนังแจ้งเตือน และมีกำหนดให้บริษัทต้องชำระค่าเสียหายภายในวันที่ 15 ก.พ.54
“การกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นการข่มขู่เพื่อจะฟ้องบอร์ดทุกท่าน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บอร์ดแต่ละท่านจะต้องพิจารณาว่าถูกหรือไม่ ซึ่งแต่ละท่านจะต้องรับผิดชอบ เพราะเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการอยู่แล้ว ส่วนการลาออกของบอร์ดทีโอทีนั้นน่าจะเป็นเรื่องของบอร์ดเอง ไม่น่าจะเกี่ยวกับหนังสือที่ทางบริษัทส่งไป”
พร้อนกันนี้ เอไอเอสจะส่งหนังสือไปยังกระทรวงไอซีที ตามที่นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที กำหนดให้ยื่นเอกสารในวันที่ 25 ก.พ.54 โดยเอกสารดังกล่าวมีหลายประเด็นด้วยกัน ซึ่งเรื่องที่บอร์ดเอไอเอสเป็นผู้พิจารณา
การที่ผู้บริหาร กสท และทีโอทีต้องยื่นฟ้องรัฐบาลเนื่องจากมีหนังสือด่วนลงวันที่ 23 ก.พ. 54 จากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งลงชื่อ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีส่งถึงผู้บริหาร กสท และทีโอทีในลักษณะเดียวกัน ทำให้ผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจต้องดำเนินการตาม เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
