xs
xsm
sm
md
lg

“ชุมพล”ชง6ปัญหาแก้ท่องเที่ยวยื่นครม.พิจารณาช่วยเหลือสิ้นก.พ.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชุมพล รับข้อเสนอเอกชนท่องเที่ยว เตรียมชง 6 ปัญหาธุรกิจท่องเที่ยวเสนอ ครม.พิจารณาช่วย สิ้นเดือนก.พ.นี้ สทน.โวยปัญหาซ้ำซาก ถูก ขสมก.แย้งซีน ทำทัวร์แข่งเอกชนล่าสุดส่งหนังสือฟ้องผู้ตรวจราชการแผ่นดินจี้ตรวจสอบผิดระเบียบ ด้านตลาดจีนหนุนยกเลิกเก็บวีซ่า จีน-ไต้หวัน

วานนี้(10ก.พ.54) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ได้จัดประชุมร่วมระหว่างผู้บริหาร ,ผู้แทนสมาคมท่องเที่ยว และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน เพื่อหารือถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวในปี 2554-2555

***รับ 6 ปัญหาเอกชนยื่นครม.*****
นายชุมพล กล่าวว่า ที่ประชุมรับหลักการ 6 ประเด็นปัญหาของภาคเอกชน โดยจะนำไปเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในสิ้นเดือนก.พ. คือ 1.เรื่องการขอยกเว้นตรวจลงตรา(วีซ่า) ให้กับนักท่องเที่ยวจีนและไต้หวันเป็นการถาวร เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวจากตลาดดังกล่าว 2.การปรับปรุงพ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ให้เป็นเอกเทศต่อกัน 3.มาตรการแก้ปัญหาโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบการ 4. ขอนโยบายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)เดินทางจัดประชุมสัมมนาในประเทศและใช้บริการผ่านบริษัทนำเที่ยว 5.ปัญหาการจัดบริการนำเที่ยวของ บริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) 6.กำหนดการพบปะร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนทุกเดือน เพื่อหารือรับทราบสถานการณ์ท่องเที่ยวและจัดทำแนวทางแก้ไขร่วมกัน

***ยื้อต่อมาตรการวีซ่า****
ทั้งนี้ในการประชุม ครม. สิ้นเดือนก.พ. จะมีเรื่องของการพิจารณามาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวว่าจะมีมาตรการใดที่สมควรแก่เวลาที่จะยกเลิก และ มาตรการใดที่ยังควรที่จะต่ออายุ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยว จะสนับสนุน ให้ต่ออายุในมาตรการสำคัญ ได้แก่ มาตรการด้านภาษี คือ ค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวบุคคลธรรมดา วงเงินไม่เกิน 15,000 บาท นำมาลดหย่อนภาษีได้ ,บริษัทห้างร้าน สามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการจัดประชุมสัมมนาภายในประเทศ นำมาหักลดหย่อนภาษีได้สองเท่า มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม การขึ้น-ลงเครื่องบิน(แลนดดิ้ง) และ ค่าธรรมเนียมการจอดเครื่องบิน(ปาร์คกิ้ง) ส่วนมาตรการที่จะหมดอายุมีนาคมนี้และไม่ต่ออายุ ได้แก่ มาตรการประกันภัยนักท่องเที่ยว และมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ซึ่งในประเด็นค่าวีซ่า
กระทรวงการท่องเที่ยวคงหาเวทีเจรจากับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอความร่วมมืออีกครั้ง

อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือให้ภาคเอกชน จัดทำรายงาน นำเสนอข้อมูลปัญหาและข้อเรียกร้องดังกล่าวข้างต้น ในรูปแบบเอกสารโดยละเอียดมาเสนออีกครั้งภายในสัปดห์หน้า เพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิงเพื่อชี้แจงต่อ ครม.

***อ้อนผู้ตรวจราชการเข้าสอบขสมก.***
ทั้งนี้ในประเด็น การจัดทัวร์ของ ขสมก. น.ส.มัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) ได้นำเสนอในที่ประชุมว่า ในสัปดาห์นี้ สทน.ได้ทำหนังสือถึงผู้ตรวจราชการแผ่นดิน เพื่อขอความเป็นธรรมให้ไปตรวจสอบบทบาทการทำงานของรัฐวิสาหกิจ อย่าง ขสมก. และการบินไทย ว่าถูกระเบียบและตรงวัตถุประสงค์การจัดตั้งหรือไม่ ที่มาดำเนินการทำทัวร์แข่งขันกับภาคเอกชน โดยเฉพาะ ขสมก. ซึ่งสมาคม ได้ร้องเรียนพฤติกรรม ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมถึง มีการจัดเวทีหารือกับผู้บริหารขสมก. ซึ่งก็รับปากว่าจะหยุดดำเนินการ แต่ปัจจุบัน กลับขยายเส้นทางนำเที่ยวเพิ่มจากเดิมมีไม่ถึง 10 เส้นทาง ขณะนี้เพิ่มเป็นเกือบ 20 เส้นทาง กรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นทัวร์สำหรับผู้มีรายได้น้อย ทั้งที่ความจริงโดยกฎหมาย รัฐวิสาหกิจไม่สามารถทำได้

อย่างไรก็ตาม กรณี องค์กรปกครองท้องถิ่นจัดประชุมสัมมนา จากสถิติการจัดเก็บ ของภาคเอกชน พบว่า 30% ใช้บริการผ่านบริษัทนำเที่ยว ส่วนอีก 70% มีทั้งจัดทัวร์เอง หรือใช้บริการผ่านคนรู้จัก ซึ่งไม่ได้เข้าสู่ระบบธุรกิจ

นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน กล่าวว่า หากไทยยกเลิกการขอวีซ่าให้กับจีนและไต้หวันได้ถาวร เชื่อมั่นว่า ปีนี้ ตลาดนักท่องเที่ยว 3 ประเทศ คือ จีน ไต้หวัน และ อ่องกง จะเดินทางเข้าไปเพิ่มขึ้นอีก 500,000 คน โดยตลาดไต้หวัน ปี 2553 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทย 380,000 คน จะเติบโตได้ 35% ปีนี้และ ส่งผลให้ภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างประเทศปีนี้จะเพิ่มเป็น 16.6 ล้านคน

***วอนผู้ประกอบการลงเลขที่ใบอนุญาตธุรกิจ****
ทางด้านนางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า สทท. เตรียมทำหนังสือของความร่วมมือผู้ประกอบการโรงแรมและผู้ประกอบการท่องเที่ยว ระบุเลขที่ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ลงไว้ในใบเสร็จรับเงิน ด้วย เพื่อให้เป็นหลักฐานการตรวจสอบแก่หน่วยราชการ ในการใช้บริการโรงแรมและบริษัทนำเที่ยวที่ถูกกฏหมายเป็นการจัดระเบียบไปพร้อมๆกัน

นอกจากนั้นยังเตรียมนำปัญหาความแออัดของแถวนักท่องเที่ยวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสุวรรณภูมิ เข้าที่ประชุมร่วมรัฐเอกชน(กรอ. ) ในวันจันทร์ที่ 14 ก.พ.54 เพื่อรับทราบและหาแนวทางแก้ไข โดยสทท. มองว่า ในอนาคตนักท่องเที่ยวจากประเทศในอาเซียนจะเดินทางมาเที่ยวไทยมากขึ้นอีก ดังนั้น ตม. ต้องเร่งปรับการบริหารจัดการกำลังคน เพื่อรองรับ
กำลังโหลดความคิดเห็น