ก.อุตฯ เข้มมาตรฐานสินค้า เดินหน้าอุตสาหกรรมยั่งยืน เพื่อสร้างการอยู่ร่วมกันกับชุมชน แนะผู้เดือดร้อนร้องเรียนผ่านเว็บ-สายด่วน “ชัยวุฒิ” ชี้ ปัญหาศึกชายแดนไทย ไม่กระทบการลงทุนของนักธุรกิจไทยในกัมพูชา
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงมาตรการดูแลสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานจากการผลิตและนำเข้าจากต่างประเทศ ว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้ออกมาตรการและตรวจติดตาม ตรวจสอบ ภายหลังการอนุญาตมาตรการควบคุมร้านจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศ มาตรการการสร้างเครือข่ายตรวจสอบสินค้าจากกรมศุลกากร มาตรการตรวจสอบโรงงาน และสถานที่จำหน่าย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมาตรฐานถ่ายโอนภารกิจการตรวจโรงงาน ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวด และให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการซื้อสินค้าไม่ได้มาตรฐาน สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 02-793-9300 หรือร้องเรียนผ่าน www.tisi.go.th ส่วนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในต่างจังหวัด ร้องเรียนได้ที่อุตสาหกรรมจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้าน สถานการณ์ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา รมว.อุตสาหกรรม เชื่อว่า จะไม่กระทบต่อการลงทุนของไทยในกัมพูชา คาดว่า ในเบื้องต้นจะกระทบเฉพาะการค้าชายแดนเท่านั้น โดยที่ผ่านมามีผู้ประกอบการไทยสนใจเข้าไปลงทุนในกัมพูชา เช่น อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าเกิดผลกระทบต่อนักธุรกิจกลุ่มนี้แต่อย่างใด และปัจจุบันยังคงมีนักธุรกิจไทยสนใจลงทุนในกัมพูชา
“ปัจจุบันไทยมีมูลค่าการลงทุนสูงเป็นอันดับ 7 ในกัมพูชา ส่วนการจัดงานแสดงสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเลื่อนออกไปนั้น นักธุรกิจไทยบางส่วนไม่ต้องการให้ยกเลิกการจัดงาน เพราะเห็นว่าจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ”
ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ได้ส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ปัจจุบันมีสัดส่วนร้อยละ 60-70 ที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน แต่ยังมีมูลค่าการลงทุนไม่มากนัก รวมทั้งสนับสนุนการลงทุนในด้านอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยต้องการ อาทิ อุตสาหกรรมประหยัดพลังงาน หรือพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อนุรักษ์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยให้สิทธิประโยชน์สูงสุด เช่น ยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร ยกเว้นการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลนาน 8 ปี
