ซีอาร์ซี เตรียมลอนช์ บิ๊กโปรเจกต์ที่ดินสถานทูตอังกฤษ ชื่อ “เซ็นทรัล เอมบาสซี่” วันที่ 9 ก.พ.นี้ หลังซุ่มเงียบมานาน เผยดึงแบรนด์หรูเปิดแฟลกชิปสโตร์เพียบ
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ซีอาร์ซีกรุ๊ป กล่าวว่า ขณะนี้ซีอาร์ซีสรุปโครงการที่จะพัฒนาบนที่ดินเดิมของสถานทูตอังกฤษ ที่ชิดลมแล้ว โดยจะใช้ชื่อโครงการว่า เซ็นทรัลเอมบาสซี่ (CENTRAL EMBASSY) ซึ่งได้วางศิลาฤกษ์ไปแล้วเมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา และจะแถลงข่าวใหญ่ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ระดับไฮพรีเมียมลักซ์ชัวรี่ มูลค่ารวมมากกว่าหมื่นล้านบาท ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า เอนเตอร์เทนเมนต์ พื้นที่ค้าปลีกรวมกว่า 70,000 ตร.ม.และโรงแรมขนาดใหญ่ พื้นที่มากกว่า 35,000 ตร.ม.พื้นที่จอดรถกว่า 40,000 ตร.ม.ซึ่งซีอาร์ซีเองยังมีแผนที่จะเจรจากับทางแฟชั่นแบรนด์ดังเข้ามาเปิดเป็นแฟลกชิปสโตร์อีกหลายแบรนด์ด้วย เช่น กุชชี่ ส่วนโรงแรม ก็จะเป็นเชนโรงแรมที่ยังไม่เคยเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย แต่เดิมรูปแบบโครงการออกแบบมามีรูปร่างคล้ายกับสัญลักษณ์อินฟินิตี้ ที่แปลว่า ไม่มีที่สิ้นสุด บ่งบอกถึงธุรกิจของตระกูลจิราธิวัฒน์ที่เติบโตต่อไปไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน เป็นอาคารสูง 37 ชั้น ผสมผสานอย่างลงตัวของอาคารทุกส่วน เช่น ส่วนของศูนย์การค้าสูง 8 ชั้น
สำหรับเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่จะกลายเป็นศูนย์การค้าและศูนย์รวมทางวัฒนธรรมเมืองประจำกรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่บริเวณ แยกวิทยุ-เพลินจิต ซึ่งบริเวณโดยรอบมีมูลค่าการเติบโตในปัจจุบันสูงถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเชื่อว่าจะเป็นแยกธุรกิจการค้าที่สำคัญที่สุดของกรุงเทพฯ
จากการประมาณการการเติบโตในพื้นที่นี้ พื้นที่อาคารสำนักงานระดับหรู เติบโต 15% หรือคิดเป็น 725,000 ตร.ม., จำนวนห้องพักโรงแรมระดับ 5 ดาว เติบโต 50% หรือ 5,000 ห้อง, เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ระดับหรู เติบโต 50% หรือ 3,000 ยูนิต, คอนโดมิเนียมระดับหรู เติบโต 50% หรือ 3,000 ยูนิต
กลุ่มของประชากรที่มีฐานะดีซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 80,000 คน ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง จะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นมากกว่า 100,000 คน ในช่วงที่ โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2556 จึงทำให้โครงการเซ็นทรัลเอมบาสซี่ นี้จะกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของกรุงเทพฯ นายทศ กล่าวว่า เดือนมกราคมปีนี้ยอดขายรวมของซีอาร์ซีมีการเติบโต 10% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว
**ซีพีเอ็นผนึกซีดีเอสรับตรุษจีน
นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด หรือซีดีเอส ร่วมกับ ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ร่วมกันเปิดเผยว่า ทั้งสองบริษัทจับมือกันใช้งบตลาดรวม 160 ล้านบาท เพื่อแคมเปญ ฉลองตรุษจีน 26 ม.ค.-15 ก.พ.54
ทั้งนี้ ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา ยกเว้นห้างเซน และศูนย์การค้าของซีพีเอ็นทุกแห่ง จะมีกิจกรรมที่เน้น 3 ประเด็น คือ ความรู้ ความบันเทิง และวัฒนธรรม คาดหวังรายได้สะพัดช่วงตรุษจีน 2,000 ล้านบาท
นางสาวปิยวรรณ กล่าวว่า ไตรมาสแรกปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 5% หรือรายได้รวมของเฉพาะห้าง 7,500 ล้านบาท หรือทุกยูนิตของซีอาร์ซีรวมกันเช่น ซูเปอร์สปอร์ต เพาเวอร์บาย บีทูเอส เป็นต้น ประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า ทั้งปีจะมีรายได้รวม 48,000 ล้านบาท ซึ่งยอดซื้อต่อบิลของลูกค้าตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้วมีการเพิ่มขึ้นมากกว่า 7% และยอดขายเดือนมกราคมเดือนเดียวเติบโต 8% แล้ว เป็นสัญญาณบ่งบอกที่ดี
ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวว่า ในช่วงตรุษจีนนี้ คาดว่า จากการจัดกิจกรรมทั้งหลายจะมีปริมาณทราฟฟิกเข้าศูนย์ฯเพิ่ม 25% และส่งผลให้ไตรมาสแรกปีนี้เติบโตได้ 8% ล่าสุด ได้เปิดแผนกอินเทอร์แอคทีฟมีเดียอย่างเป็นทางการ หลังจากทดลองมาแล้ว 2 ปีได้รับผลดี มีทีมรวม 7 คน เพื่อดูแลทางด้านการสื่อสารสมัยใหม่อย่างโซเชียลเน็ตเวิร์กที่จะทำให้มีประโยชน์ และมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการทำตลาด
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ซีอาร์ซีกรุ๊ป กล่าวว่า ขณะนี้ซีอาร์ซีสรุปโครงการที่จะพัฒนาบนที่ดินเดิมของสถานทูตอังกฤษ ที่ชิดลมแล้ว โดยจะใช้ชื่อโครงการว่า เซ็นทรัลเอมบาสซี่ (CENTRAL EMBASSY) ซึ่งได้วางศิลาฤกษ์ไปแล้วเมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา และจะแถลงข่าวใหญ่ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ระดับไฮพรีเมียมลักซ์ชัวรี่ มูลค่ารวมมากกว่าหมื่นล้านบาท ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า เอนเตอร์เทนเมนต์ พื้นที่ค้าปลีกรวมกว่า 70,000 ตร.ม.และโรงแรมขนาดใหญ่ พื้นที่มากกว่า 35,000 ตร.ม.พื้นที่จอดรถกว่า 40,000 ตร.ม.ซึ่งซีอาร์ซีเองยังมีแผนที่จะเจรจากับทางแฟชั่นแบรนด์ดังเข้ามาเปิดเป็นแฟลกชิปสโตร์อีกหลายแบรนด์ด้วย เช่น กุชชี่ ส่วนโรงแรม ก็จะเป็นเชนโรงแรมที่ยังไม่เคยเข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย แต่เดิมรูปแบบโครงการออกแบบมามีรูปร่างคล้ายกับสัญลักษณ์อินฟินิตี้ ที่แปลว่า ไม่มีที่สิ้นสุด บ่งบอกถึงธุรกิจของตระกูลจิราธิวัฒน์ที่เติบโตต่อไปไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน เป็นอาคารสูง 37 ชั้น ผสมผสานอย่างลงตัวของอาคารทุกส่วน เช่น ส่วนของศูนย์การค้าสูง 8 ชั้น
สำหรับเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่จะกลายเป็นศูนย์การค้าและศูนย์รวมทางวัฒนธรรมเมืองประจำกรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่บริเวณ แยกวิทยุ-เพลินจิต ซึ่งบริเวณโดยรอบมีมูลค่าการเติบโตในปัจจุบันสูงถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเชื่อว่าจะเป็นแยกธุรกิจการค้าที่สำคัญที่สุดของกรุงเทพฯ
จากการประมาณการการเติบโตในพื้นที่นี้ พื้นที่อาคารสำนักงานระดับหรู เติบโต 15% หรือคิดเป็น 725,000 ตร.ม., จำนวนห้องพักโรงแรมระดับ 5 ดาว เติบโต 50% หรือ 5,000 ห้อง, เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ระดับหรู เติบโต 50% หรือ 3,000 ยูนิต, คอนโดมิเนียมระดับหรู เติบโต 50% หรือ 3,000 ยูนิต
กลุ่มของประชากรที่มีฐานะดีซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 80,000 คน ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง จะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นมากกว่า 100,000 คน ในช่วงที่ โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2556 จึงทำให้โครงการเซ็นทรัลเอมบาสซี่ นี้จะกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของกรุงเทพฯ นายทศ กล่าวว่า เดือนมกราคมปีนี้ยอดขายรวมของซีอาร์ซีมีการเติบโต 10% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว
**ซีพีเอ็นผนึกซีดีเอสรับตรุษจีน
นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด หรือซีดีเอส ร่วมกับ ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ร่วมกันเปิดเผยว่า ทั้งสองบริษัทจับมือกันใช้งบตลาดรวม 160 ล้านบาท เพื่อแคมเปญ ฉลองตรุษจีน 26 ม.ค.-15 ก.พ.54
ทั้งนี้ ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา ยกเว้นห้างเซน และศูนย์การค้าของซีพีเอ็นทุกแห่ง จะมีกิจกรรมที่เน้น 3 ประเด็น คือ ความรู้ ความบันเทิง และวัฒนธรรม คาดหวังรายได้สะพัดช่วงตรุษจีน 2,000 ล้านบาท
นางสาวปิยวรรณ กล่าวว่า ไตรมาสแรกปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 5% หรือรายได้รวมของเฉพาะห้าง 7,500 ล้านบาท หรือทุกยูนิตของซีอาร์ซีรวมกันเช่น ซูเปอร์สปอร์ต เพาเวอร์บาย บีทูเอส เป็นต้น ประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า ทั้งปีจะมีรายได้รวม 48,000 ล้านบาท ซึ่งยอดซื้อต่อบิลของลูกค้าตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้วมีการเพิ่มขึ้นมากกว่า 7% และยอดขายเดือนมกราคมเดือนเดียวเติบโต 8% แล้ว เป็นสัญญาณบ่งบอกที่ดี
ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวว่า ในช่วงตรุษจีนนี้ คาดว่า จากการจัดกิจกรรมทั้งหลายจะมีปริมาณทราฟฟิกเข้าศูนย์ฯเพิ่ม 25% และส่งผลให้ไตรมาสแรกปีนี้เติบโตได้ 8% ล่าสุด ได้เปิดแผนกอินเทอร์แอคทีฟมีเดียอย่างเป็นทางการ หลังจากทดลองมาแล้ว 2 ปีได้รับผลดี มีทีมรวม 7 คน เพื่อดูแลทางด้านการสื่อสารสมัยใหม่อย่างโซเชียลเน็ตเวิร์กที่จะทำให้มีประโยชน์ และมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการทำตลาด
