กิฟฟารีนวางหมากรับสถานการณ์ปี 54 ทุ่ม 150 ล้านบาท หวังดันรายได้แตะ 5,500 ล้านบาท เติบโต 10% ตามแผน หลังอกหักปีก่อนโตเพียง 6% ทำได้ 4,912 ล้านบาท ชูกลยุทธ์จับทางเดลิเวอรี่และออนไลน์ เสริมทัพช่วยสมาชิก
พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ของบริษัทในปีที่ผ่านมานั้น ทำได้ที่ 4,912 ล้านบาท เติบโต 6% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่า จะโต 10% เนื่องจากมีปัจจัยลบ 2 เรื่องที่เข้ามา คือ การเมืองช่วงต้นปี และน้ำท่วม 40 จังหวัดช่วงปลายปี โดยปิดยอดสมาชิกและนักธุรกิจเป็น 5,900,000 รหัส เพิ่มขึ้น 350,000 รหัส
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มองว่าภาพรวมขายตรงจะเติบโตขึ้นอีก 10% โดยในส่วนของบริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,500 ล้านบาท เติบโต 10% เช่นกัน เชื่อว่า ถ้าการเมืองนิ่ง มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าได้แน่ ภายใต้กลยุทธ์ที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการที่วางแผนรับมือ หากมีสถานการณ์การเมืองอย่างปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มความสะดวก และลดต้นทุนต่างๆ ให้แก่นักธุรกิจให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มบริการเดลิเวอรี่ส่งฟรีถึงบ้านทั่วประเทศ จากปีก่อนสามารถทำได้ 50 ศูนย์ ปีนี้จะขยายให้ครบ 109 ศูนย์ทั่วประเทศ ภายใต้รัศมีการส่งไม่เกิน 15 กม.คาดว่า ในสิ้นปีนี้ สัดส่วนรายได้จากเดลิเวอรี่ จะอยู่ที่ 10% ของยอดขายทั้งหมด
ที่สำคัญ ในปีนี้ถือเป็นปีที่กิฟฟารีนก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 จึงได้เพิ่มช่องทางขายใหม่อีก 1 ช่องทาง คือ ช่องทางออนไลน์ ที่ได้ปรับโฉมและพัฒนาขึ้นมาใหม่รองรับการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คาดว่า สิ้นปีนี้จะมียอดการสั่งซื้อจากออนไลน์ ประมาณ 60 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทจะมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นเรื่องของนวัตกรรมใหม่ โดยจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดราว 10-15 ไอเท็ม ภายใต้งบการตลาดรวมที่ 150 ล้านบาท ใช้มากกว่าปีก่อน 50 ล้านบาท
พญ.นลินี กล่าวต่อว่า สำหรับการรุกไปตลาดต่างประเทศนั้น ช่วงปลายปีนี้จะเข้าไปเปิดออฟฟิศบิวดิ้งอีก 2 ประเทศ คือ ลาว และ ฟิลิปปินส์ จากที่ผ่านมาเข้าไปดำเนินการแล้วหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง พม่า เขมร และ มาเลเซีย โดยปีที่ผ่านมา รายได้รวมจากต่างประเทศทำได้กว่า 100 ล้านบาท
พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ของบริษัทในปีที่ผ่านมานั้น ทำได้ที่ 4,912 ล้านบาท เติบโต 6% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่า จะโต 10% เนื่องจากมีปัจจัยลบ 2 เรื่องที่เข้ามา คือ การเมืองช่วงต้นปี และน้ำท่วม 40 จังหวัดช่วงปลายปี โดยปิดยอดสมาชิกและนักธุรกิจเป็น 5,900,000 รหัส เพิ่มขึ้น 350,000 รหัส
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มองว่าภาพรวมขายตรงจะเติบโตขึ้นอีก 10% โดยในส่วนของบริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 5,500 ล้านบาท เติบโต 10% เช่นกัน เชื่อว่า ถ้าการเมืองนิ่ง มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าได้แน่ ภายใต้กลยุทธ์ที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการที่วางแผนรับมือ หากมีสถานการณ์การเมืองอย่างปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มความสะดวก และลดต้นทุนต่างๆ ให้แก่นักธุรกิจให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มบริการเดลิเวอรี่ส่งฟรีถึงบ้านทั่วประเทศ จากปีก่อนสามารถทำได้ 50 ศูนย์ ปีนี้จะขยายให้ครบ 109 ศูนย์ทั่วประเทศ ภายใต้รัศมีการส่งไม่เกิน 15 กม.คาดว่า ในสิ้นปีนี้ สัดส่วนรายได้จากเดลิเวอรี่ จะอยู่ที่ 10% ของยอดขายทั้งหมด
ที่สำคัญ ในปีนี้ถือเป็นปีที่กิฟฟารีนก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 จึงได้เพิ่มช่องทางขายใหม่อีก 1 ช่องทาง คือ ช่องทางออนไลน์ ที่ได้ปรับโฉมและพัฒนาขึ้นมาใหม่รองรับการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คาดว่า สิ้นปีนี้จะมียอดการสั่งซื้อจากออนไลน์ ประมาณ 60 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทจะมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นเรื่องของนวัตกรรมใหม่ โดยจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดราว 10-15 ไอเท็ม ภายใต้งบการตลาดรวมที่ 150 ล้านบาท ใช้มากกว่าปีก่อน 50 ล้านบาท
พญ.นลินี กล่าวต่อว่า สำหรับการรุกไปตลาดต่างประเทศนั้น ช่วงปลายปีนี้จะเข้าไปเปิดออฟฟิศบิวดิ้งอีก 2 ประเทศ คือ ลาว และ ฟิลิปปินส์ จากที่ผ่านมาเข้าไปดำเนินการแล้วหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง พม่า เขมร และ มาเลเซีย โดยปีที่ผ่านมา รายได้รวมจากต่างประเทศทำได้กว่า 100 ล้านบาท