ม็อบเสื้อแดงป่วนเอ็นบีที เลื่อนประกาศผลเอกชนร่วมผลิตข่าวออกไปอีก 2 วัน ด้านรายเก่า ไอเอ็นซี ผวาถูกใบสั่งกรเมืองสกัดปิดอนาคตดาวรุ่ง
จากกรณีที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ หรือช่อง 11/เอ็นบีที ได้กำหนดให้วานนี้ (29 มี.ค.) เป็นวันประกาศผลสำหรับบริษัทเอกชน ที่ผ่านคุณสมบัติด้านแผนงานและวิธีการดำเนินงาน ในการเข้ารับการคัดเลือกเพื่อร่วมผลิตรายการข่าวกับทางสถานีเอ็นบีที สัญญา 1 ปี นับจากเดือน พ.ค.2553- เม.ย.2554 นี้ ซึ่งมีบริษัทเอกชนที่สมัครเข้ามาทั้งสิ้น 4 ราย คือ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน), บริษัท ไดมอนด์ไฟต์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด, บริษัท อินดิเพนเด้นท์ นิวส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (INC)และบริษัท โพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน )
ปรากฏว่า ทางเอ็นบีทีได้ประกาศเลื่อนประกาศผลบริษัทเอกชน ที่ผ่านคุณสมบัติข้อแรกนี้ออกไปอีก 2-3 วัน คาดว่า ในวันพุธที่ 31 หรือวันพฤหัสที่ 1 เม.ย.นี้ จึงจะสามารถประกาศผลได้ โดยสาเหตุที่มีการเลื่อนประกาศผลครั้งนี้ออกไปนั้น ประการแรกมาจากกรณีที่ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ หรือช่อง 11/เอ็นบีที ได้ถูกลอบวางระเบิดรวมทั้งถูกคนร้านยิงถล่มใส่สำนักงาน เมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ภายในองค์กรวุ่นวาย และทำงานกันลำบากขึ้น และประการที่สอง คือ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ทำให้ได้รับทราบเรื่องการประมูลร่วมผลิตข่าวครั้งนี้ล่าช้าออกไป ส่งผลให้ต้องมีการเลื่อนออกไปก่อน
สำหรับผลการประกาศที่บริษัทเอกชนจะผ่านคุณสมบัติข้อแรกนี้ ถือว่าเป็นการประกาศผลสำหรับผู้ที่จะได้รับเลือกให้ร่วมผลิตข่าวกับทางเอ็นบีทีเกิน 50% โดยเป็นบริษัทที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งบริษัทที่ได้นั้น จะถูกเรียกให้เข้าไปคุยเรื่องสิทธิประโยชน์ และเจรจาค่าตอบแทนกับทางเอ็นบีทีอีกครั้ง ถ้าหากตกลงกันได้ ก็ถือว่าได้ผ่านคุณสมบัติข้อที่สอง และถือเป็นบริษัทที่ประมูลเข้าร่วมผลิตข่าวกับทางเอ็นบีทีแน่นอน แต่ถ้าเจรจาไม่สำเร็จ ก็จะมีการเรียกบริษัทที่มีคะแนนรองเป็นอันดับสองเข้ามาเจรจาเป็นรายต่อไปแทน
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าววงใน เปิดเผยว่า ผลการประมูลร่วมผลิตข่าวครั้งนี้ มีกระแสออกมาว่า ไม่ต้องการให้บริษัทเดิมที่ทำอยู่ก่อนแล้วได้ไป ซึ่งบริษัทดังกล่าว คือ บริษัท อินดิเพนเด้นท์ นิวส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (INC) แต่ในทางคุณสมบัติของบริษัทที่เข้ามาทั้ง 4 รายนั้น ถือว่า เฉพาะคุณสมบัติข้อแรก ที่กล่าวถึงว่า บริษัทดังกล่าวจะต้องมีประสบการณ์ด้านการผลิตข่าว ซึ่งดูแล้วบริษัทที่ผ่านคุณสมบัตินี้จริงๆ มีเพียงรายเดียว คือ บ.อินดิเพนเด้นท์ นิวส์ เซ็นเตอร์ รองลงมา คือ โพสต์ พับลิชชิ่ง ที่พอจะมีประสบการณ์การทำรายการโทรทัศน์และเคเบิลทีวีมาบ้าง
นายฉัตรชัย ตะวันธรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินดิเพนเด้นท์ นิวส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (INC) เปิดเผยว่า ตนเชื่อว่า คณะกรรมการที่ตัดสินครั้งนี้ จะมีความชอบธรรมมากพอ และเชื่อว่ าไม่น่าจะมีใบสั่งใดๆ ที่จะทำให้บริษัทจะไม่ได้เป็นผู้ร่วมผลิตรายการข่าวกับทางเอ็นบีทีในปีนี้ไปได้
ทั้งนี้ เมื่อดูในรายละเอียดของการนำเสนอแนวคิดของบริษัทที่เสนอกับทางเอ็นบีทีแล้วนั้น เชื่อว่า เป็นความได้เปรียบคู่แข่ง ที่คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทจะได้เป็นผู้ร่วมผลิตข่าวกับทางเอ็นบีทีแน่นอน โดยแนวความคิดที่ทางบริษัทนำเสนอไปนั้น จะเน้นในเรื่องของ โทรทัศน์แห่งชาติ ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับนโยบายดังกล่าวร่วมกับทางเอ็นบีทีในการส่งเสริมให้เอ็นบีที ก้าวสู่ความเป็นโทรทัศน์แห่งชาติอย่างแท้จริง ดังนั้น แนวความคิดในปีนี้จึงต่อยอดก้าวที่สองที่ส่งให้เอ็นบีทีไปสู่ความเป็นโทรทัศน์แห่งชาติต่อไป กล่าวคือ การเป็นโทรทัศน์แห่งชาติเพื่อประชาชน เน้นใน 3 เรื่อง คือ
1.ปรับปรุงเนื้อหาภาครัฐให้สื่อเข้าถึงสังคม ให้เป็นเซ็นเตอร์ของงานภาครัฐในการนำเสนอสู่สังคม 2.แนวทางในการนำเสนอแบบสมานฉันท์ ไม่สร้างความแตกแยกในสังคม และ 3.ปรับปรุงนำเสนอข่าวที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
ส่วนรูปแบบการปฏิบัติงานนั้น เสนอให้บุคลากรกว่า 130 คนของบริษัท ได้ทำงานภายใต้คำสั่งจากเอ็นบีทีแบบสมบูรณ์ จากที่ผ่านมาจะทำงานแบบคู่ขนานกัน โดยทางบริษัทจะเรื่องของการรับเอานโยบายมาปฏิบัติเป็นหลัก พร้อมทั้งนำเสนอความทันสมัยสู่เอ็นบีทีด้วย เช่น การผลักดันให้เกิด กราฟฟิกเซ็นเตอร์, เสนอรูปแบบการสื่อสาร อย่าง การถ่ายทอดสดผ่านอินเทอร์เน็ต 3จี ซึ่งจะช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น
นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า จากแผนงานที่นำเสนอไป เชื่อมั่นว่า บริษัทมีความได้เปรียบและน่าจะชนะการประมูลเข้าร่วมผลิตข่าวกับทางเอ็นบีทีแน่นอน ซึ่งคู่แข่งที่มองไว้นั้นมีเพียง โพสต์ พับลิชชิ่ง เท่านั้น เพราะมีประสบการณ์ในการทำรายการโทรทัศน์มาบ้าง ส่วนรายอื่นๆ ยังไม่เคยเห็นผลงานด้านรายการข่าวมาก่อน