เรียบร้อยแล้วสำหรับเก้าอี้ "กรรมการผู้จัดการ" ตลาดหลักทรัพย์ ในฐานะประธานฯ "สมพล เกียรติไพบูลย์" ยืนยันแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ได้ทำสัญญาว่าจ้างกับ "จรัมพร โชติกเสถียร" บิ๊กไทยพาณิชย์ มีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย. หรือหลังจาก "ภัทรียา เบญจพลชัย" พ้นตำแหน่ง 31 พ.ค.นี้ "สมพล" หยอดคำหวานไปยัง "มนตรี ศรไพศาล" กับ "วิเชฐ ตันติวานิช" 2 ตัวเต็งที่วืด ว่าทั้งสองมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อม...
ไปดูความคืบหน้าการอายัดหุ้นบริษัทของ "พานทองแท้-พินทองทา ชินวัตร" ของกรมสรรพากร เพื่อนำมาชำระภาษี 1.4 หมื่นล้าน กรณีทั้ง 2 คน ซื้อหุ้น "ชินคอร์ป" จาก "แอมเพิลริช อินเวสท์เมนท์" เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549 เนื่องจากเงินในบัญชีเงินฝากในชื่อบุคคลทั้งสองมีไม่เพียงพอกับภาษีตามที่กรมสรรพากรประเมินเรียกเก็บ...
กรมสรรพากรใช้อำนาจตามประมวลรัษฎากรมาตรา 12 อายัดหุ้นรวม 7 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์ จำกัด , บริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ , บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น , บริษัท เอสซี ออฟฟิซ พลาซ่า , บริษัท เอส ซี เคเอสเทต และบริษัท โอเอไอ เอ็ดดูเคชั่น ขณะนี้รอ "ศาลภาษีอากรกลาง" ตัดสินคดีที่ "โอ๊ค-เอม" อุทธรณ์ ตัดสินเมื่อไหร่ ปิดหีบ...
6 ใน 7 บริษัท มีเงินฝากในบัญชีดังนี้ พี ที คอร์ปอเรชั่น 2,300 ล้าน เวิร์ธซัพพลายส์ 2,200 ล้าน เอส ซี ออฟฟิซ พลาซ่า 2,000 ล้าน เอสซีเค เอสเทต 2,000 ล้าน ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ 1,300 ล้าน และโอเอไอเอ็ดดูเคชั่น 617.5 ล้าน...
ระหว่างรอกระบวนการยึดทรัพย์ทักษิณ 4.63 หมื่นล้าน "กรณ์ จาติกวณิช" เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซักซ้อมความเข้าใจการรับโอนเงินเข้าคลัง ขณะเดียวกันเร่งชำระสะสางคดีตามคำพิพากษา 5 เรื่อง ได้แก่ 1.การแปลงสัญญาสัมปทานเอื้อประโยชน์ "ชิน คอร์ปอเรชั่น 2.การแก้ไขสัญญาโทรศัพท์มือถือ กรณีบัตรเติมเงินและโครงข่ายร่วมหรือโรมมิ่ง 3.การใช้โรมมิ่ง 4.การแก้ไขสัญญาดาวเทียมโดยมิชอบ และ 5.อนุมัติเงินกู้เอ็กซิมแบงก์ให้พม่า ถ้าหากไม่ดำเนินการอาจ "เข้าข่ายละเว้น"!!..
ไม่เพียง 5 ประเด็นหลัก คำพิพากษาของศาลยังกล่าวถึงการใช้ "นอมินี" เข้าถือหุ้นในบริษัทเอสซี แอสซี (SC) แม้ไม่มีข้อสรุปเนื่องจากอัยการผู้เป็นโจทก์ไม่เรียกร้อง แต่กระทรวงการคลังเห็นว่าจำเป็นต้องชำระสะสางให้ถูกต้อง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจึงมีการเรียกผู้บริหาร ก.ล.ต.และดีเอสไอ เข้ามาสอบถามความเห็น ทว่าทันทีที่การประชุมเริ่มขึ้น รมว.คลังไม่ทันพูดจบ "ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล" สอดขึ้นทันควันไม่ควรนำคดี SC มาปัดฝุ่น เธออ้างว่าคำพิพากษาไม่ติดใจประเด็นนี้ ว๊าวๆ!!...
คนในห้องประชุมมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่ "ธาริต เพ็งดิษฐ์" เห็นต่างกับ "ธีระชัย" จึงบอกว่าดีเอสไอเห็นว่าคดี SC ควรจะดำเนินการต่อ รัฐมนตรีคลังจึงให้ ก.ล.ต.และดีเอสไอ กลับไปศึกษาข้อมูลความคืบหน้า แล้วกลับมารายงานในการประชุมนัดถัดไป คล้องหลังไม่นาน "ธีระชัย" โทรไปหน้าห้องรัฐมนตรีอย่างร้อนรน อ้างสอบถามฝ่ายกฎหมายแล้วการรื้อคดี SC อาจเป็นการละเมิดสิทธิบุคคลอื่น ยิ่งที่ประชุมวันก่อนมี "คนนอก" นั่งอยู่ด้วย เข้าข่ายนำความลับมาเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก...
"คนนอก" คนนั้นคือ "มนตรี" ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดทุนที่ "รมว.คลัง" เชิญมาประชุมด้วยจึงไม่ผิดกฎหมาย หน้าห้อง รมว.คลังบอกท่านเลขาฯ ก.ล.ตว่า รมว.คลังมีอำนาจ และหากไม่ดำเนินการเรื่อง SC อาจโดนข้อหาละเว้น!!?..นะจ้าวฮะ...
พูดถึงคดี SC ดีเอสไอเคยหยิบขึ้นมาดำเนินคดีแต่ถูกเป่าทิ้งสมัย "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" เพื่อนสนิท "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นั่นแหละฮะ ล่าสุดฟากการเมืองภายใต้กรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี "ชาญชัย อิสระเสนารักษ์" เป็นประธาน ยืนยันเดินหน้าตรวจสอบประเด็นปกปิดโครงสร้างหุ้น งานนี้รับรอง หนังชีวิต!!!...
ไปดูความคืบหน้าการอายัดหุ้นบริษัทของ "พานทองแท้-พินทองทา ชินวัตร" ของกรมสรรพากร เพื่อนำมาชำระภาษี 1.4 หมื่นล้าน กรณีทั้ง 2 คน ซื้อหุ้น "ชินคอร์ป" จาก "แอมเพิลริช อินเวสท์เมนท์" เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549 เนื่องจากเงินในบัญชีเงินฝากในชื่อบุคคลทั้งสองมีไม่เพียงพอกับภาษีตามที่กรมสรรพากรประเมินเรียกเก็บ...
กรมสรรพากรใช้อำนาจตามประมวลรัษฎากรมาตรา 12 อายัดหุ้นรวม 7 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์ จำกัด , บริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ , บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น , บริษัท เอสซี ออฟฟิซ พลาซ่า , บริษัท เอส ซี เคเอสเทต และบริษัท โอเอไอ เอ็ดดูเคชั่น ขณะนี้รอ "ศาลภาษีอากรกลาง" ตัดสินคดีที่ "โอ๊ค-เอม" อุทธรณ์ ตัดสินเมื่อไหร่ ปิดหีบ...
6 ใน 7 บริษัท มีเงินฝากในบัญชีดังนี้ พี ที คอร์ปอเรชั่น 2,300 ล้าน เวิร์ธซัพพลายส์ 2,200 ล้าน เอส ซี ออฟฟิซ พลาซ่า 2,000 ล้าน เอสซีเค เอสเทต 2,000 ล้าน ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ 1,300 ล้าน และโอเอไอเอ็ดดูเคชั่น 617.5 ล้าน...
ระหว่างรอกระบวนการยึดทรัพย์ทักษิณ 4.63 หมื่นล้าน "กรณ์ จาติกวณิช" เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซักซ้อมความเข้าใจการรับโอนเงินเข้าคลัง ขณะเดียวกันเร่งชำระสะสางคดีตามคำพิพากษา 5 เรื่อง ได้แก่ 1.การแปลงสัญญาสัมปทานเอื้อประโยชน์ "ชิน คอร์ปอเรชั่น 2.การแก้ไขสัญญาโทรศัพท์มือถือ กรณีบัตรเติมเงินและโครงข่ายร่วมหรือโรมมิ่ง 3.การใช้โรมมิ่ง 4.การแก้ไขสัญญาดาวเทียมโดยมิชอบ และ 5.อนุมัติเงินกู้เอ็กซิมแบงก์ให้พม่า ถ้าหากไม่ดำเนินการอาจ "เข้าข่ายละเว้น"!!..
ไม่เพียง 5 ประเด็นหลัก คำพิพากษาของศาลยังกล่าวถึงการใช้ "นอมินี" เข้าถือหุ้นในบริษัทเอสซี แอสซี (SC) แม้ไม่มีข้อสรุปเนื่องจากอัยการผู้เป็นโจทก์ไม่เรียกร้อง แต่กระทรวงการคลังเห็นว่าจำเป็นต้องชำระสะสางให้ถูกต้อง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจึงมีการเรียกผู้บริหาร ก.ล.ต.และดีเอสไอ เข้ามาสอบถามความเห็น ทว่าทันทีที่การประชุมเริ่มขึ้น รมว.คลังไม่ทันพูดจบ "ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล" สอดขึ้นทันควันไม่ควรนำคดี SC มาปัดฝุ่น เธออ้างว่าคำพิพากษาไม่ติดใจประเด็นนี้ ว๊าวๆ!!...
คนในห้องประชุมมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่ "ธาริต เพ็งดิษฐ์" เห็นต่างกับ "ธีระชัย" จึงบอกว่าดีเอสไอเห็นว่าคดี SC ควรจะดำเนินการต่อ รัฐมนตรีคลังจึงให้ ก.ล.ต.และดีเอสไอ กลับไปศึกษาข้อมูลความคืบหน้า แล้วกลับมารายงานในการประชุมนัดถัดไป คล้องหลังไม่นาน "ธีระชัย" โทรไปหน้าห้องรัฐมนตรีอย่างร้อนรน อ้างสอบถามฝ่ายกฎหมายแล้วการรื้อคดี SC อาจเป็นการละเมิดสิทธิบุคคลอื่น ยิ่งที่ประชุมวันก่อนมี "คนนอก" นั่งอยู่ด้วย เข้าข่ายนำความลับมาเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก...
"คนนอก" คนนั้นคือ "มนตรี" ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดทุนที่ "รมว.คลัง" เชิญมาประชุมด้วยจึงไม่ผิดกฎหมาย หน้าห้อง รมว.คลังบอกท่านเลขาฯ ก.ล.ตว่า รมว.คลังมีอำนาจ และหากไม่ดำเนินการเรื่อง SC อาจโดนข้อหาละเว้น!!?..นะจ้าวฮะ...
พูดถึงคดี SC ดีเอสไอเคยหยิบขึ้นมาดำเนินคดีแต่ถูกเป่าทิ้งสมัย "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" เพื่อนสนิท "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นั่นแหละฮะ ล่าสุดฟากการเมืองภายใต้กรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี "ชาญชัย อิสระเสนารักษ์" เป็นประธาน ยืนยันเดินหน้าตรวจสอบประเด็นปกปิดโครงสร้างหุ้น งานนี้รับรอง หนังชีวิต!!!...