ฝรั่งโดดเข้าหุ้นไทยต่อ ดันวอลุ่มซื้อขายพีกแตะ 4.2 หมื่นล้านบาท สูงสุดรอบ 5 เดือน ด้านดัชนีซื้อขาย ผันผวนจัด ปิดตลาดติดลบ 2.34 จุด จากช่วงเช้าบวก 12 จุด เหตุเจอแรงเทขายทำกำไร จากความวิตกกังวลในสถานการณ์การเมือง บวกกับ ปัญหาเศรษฐกิจของกรีซ หลังม็อบแดงชุมนุมใหญ่ป่วนกรุงอีกรอบในวันที่ 27 มี.ค.ด้าน “ภัทรียา” ชี้ดัชนีมีโอกาสปรับฐาน พร้อมเห็นด้วยหากภาครัฐและกลุ่มผู้ชุมนุมจะหันมาเจรจากัน เพื่อผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ ประเมินทิศทางวันนี้ (23 มี.ค.) ผันผวนต่อ ระวังแรงเทขาย
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (22 มี.ค.) ปิดที่ระดับ 772.25 จุด ลดลง 2.34 จุด หรือ -0.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 42,076.02 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เตือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้าดัชนีขึ้นสวนตลาดภูมิภาค จากความมั่นใจสถานการณ์การเมืองเริ่มเห็นทางออก หลังจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านแสดงท่าทีตอบรับแนวทางการเจรจา จนปรับเพิ่มขึ้นถึง 12.12 จุด แต่ช่วงบ่ายมีแรงเทขายจากความกังวลถึงการเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้งของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 27 มี.ค. ทำให้ดัชนีลดลงมาปิดลบตามภูมิภาค ทั้งนี้ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 787.27 จุด และต่ำสุดที่ 769.00 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย PTTAR ปิดที่28.00 บาท บวก 1.00 บาท TCAP อยู่ที่ 25.50 บาท บวก 0.70 บาท PTT อยู่ที่ 249.00 บาท ลบ 2.00 บาท SCB อยู่ที่ 92.00 บาท ลบ 1.00 บาท และ KBANK อยู่ที่ 97.50 บาท บวก 1.50 บาท
ส่วนการซื้อขายแยกเป็นกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิอีก 2,2777.38 ล้านบาท ขณะที่สถาบัน บัญชีบล. และนักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 1,003.20 ล้านบาท, 307.32 ล้านบาท และ 966.86 ล้านบาท ตามลำดับ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาสูงนั้น อาจทำให้ดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับฐานลดลงบ้าง ซึ่งทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยนั้นยังอิงกับตลาดหุ้นต่างประเทศและปัจจัยพื้นฐานของประเทศ ส่วนการที่นักลงทุนต่างประเทศจะยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์รอบข้างและทิศทางหุ้นต่างประเทศประกอบกัน
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ทางการเมืองนั้นทุกคนอยากให้มีการยุติการชุมนุม เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งจะทำให้นักลงทุนรวมทั้งนักธุรกิจกลับมามีความมั่นใจ และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยหากรัฐบาลและ ทางกลุ่มเสื้อแดงมีการเจรจากันเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่การเจรจากันได้ก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกัน และเป็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งหากเหตุการณ์กลับมาเรียบร้อยเป็นปกติ ก็จะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่เฉพาะตลาดหุ้นไทยเท่านั้น
“การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นนั้น อาจจะมีการปรับฐานบ้าง ซึ่งตลาดหุ้นไทยอิงกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่วนนักลงทุนต่างประเทศจะมีการซื้อสุทธิต่อหรือไม่นั้น ต้องดูปัจจัยรอบข้าง ส่วนหุ้นจะขึ้นหรือลงนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน เศรษฐกิจ และกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน” นางภัทรียา กล่าว
**“จรัมพร” ลุ้นนั่งเอ็มดีช่วงโค้งสุดท้าย**
ผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามในเรื่องผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่ หลังจาก นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีกล่าวว่า นายจรัมพร โชติกเสถียร ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการคนใหม่ นางภัทรียา กล่าวว่า ขณะนี้ในเรื่องการแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่นั้น ยังไม่เรียบร้อย ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการที่คณะกรรมการสรรหาฯจะต้องมีการทำงานต่อให้ครบถ้วน และหากมีการดำเนินการตามกระบวนการเสร็จจะมีการแถลงข่าวแต่งตั้งต่อไป โดยจะแต่งตั้งได้ทันในวันที่ 1 มิถุนายนนี้
ขณะเดียวกัน วานนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการเปิดโครงการ SET Junior Financial Club 2010" หรือ SET JFC 2010 ภายใต้แนวคิดแนวคิด “Fly Smart to?your Future: ติดปีกความรู้ด้านการออมอย่างชาญฉลาด สู่เป้าหมายในอนาคต” ซึ่งจะเปิดรับสมัตรนักเรียนมัธยมศึกษาตนต้นและตอนปลายจำ 4 ภาค 4 จังหวัด รวม 4 รุ่น รุ่นละ 100 คน เพื่อเข้าอบรมเรื่องการออกมการวางแผนชีวิตและการเงินในช่วงเดือนเดือนเมษายน ถึง เดือนพฤษภาคม จำนวน 400 คน
***เตือนระวังแรงเทขายต่างชาติ
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายวานนี้ (22 มี.ค.) ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากในช่วงเช้าปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสูงมากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค ที่ส่วนใหญ่ต่างปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป เป็นผลจากปัจจัยกดดันการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของกรีซ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกว่ามีการฟื้นตัวจริงหรือไม่
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ยังคงผันผวนเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยการเมืองที่ยังทรงๆ และสร้างความกังวลให้กับตลาดหุ้นไทย ซึ่งยังไม่มีประเด็นอะไรใหม่ แต่เรื่องที่น่ากังวล คือ ปัจจัยจากต่างประเทศทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของกรีซ และกังวล เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่ก่อนหน้านี้เข้าซื้อในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง หากยังซื้อต่อก็จะสร้างความเชื่อมั่นการลงทุนได้บ้าง แต่ก็ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ เช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยต้องรอดูตลาดหุ้นสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกาในคืนที่ผ่านมา และความวิตกกังวลเรื่องกรีซ จะมีปัจจัยใดเพิ่มเติมหรือไม่ แต่มองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนต่อเนื่องจากวันนี้ โดยให้กรอบลงทุนแนวรับที่ 760 จุด แนวต้าน 780 จุด
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (22 มี.ค.) ปิดที่ระดับ 772.25 จุด ลดลง 2.34 จุด หรือ -0.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 42,076.02 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เตือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้าดัชนีขึ้นสวนตลาดภูมิภาค จากความมั่นใจสถานการณ์การเมืองเริ่มเห็นทางออก หลังจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านแสดงท่าทีตอบรับแนวทางการเจรจา จนปรับเพิ่มขึ้นถึง 12.12 จุด แต่ช่วงบ่ายมีแรงเทขายจากความกังวลถึงการเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้งของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 27 มี.ค. ทำให้ดัชนีลดลงมาปิดลบตามภูมิภาค ทั้งนี้ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 787.27 จุด และต่ำสุดที่ 769.00 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย PTTAR ปิดที่28.00 บาท บวก 1.00 บาท TCAP อยู่ที่ 25.50 บาท บวก 0.70 บาท PTT อยู่ที่ 249.00 บาท ลบ 2.00 บาท SCB อยู่ที่ 92.00 บาท ลบ 1.00 บาท และ KBANK อยู่ที่ 97.50 บาท บวก 1.50 บาท
ส่วนการซื้อขายแยกเป็นกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิอีก 2,2777.38 ล้านบาท ขณะที่สถาบัน บัญชีบล. และนักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 1,003.20 ล้านบาท, 307.32 ล้านบาท และ 966.86 ล้านบาท ตามลำดับ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาสูงนั้น อาจทำให้ดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับฐานลดลงบ้าง ซึ่งทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยนั้นยังอิงกับตลาดหุ้นต่างประเทศและปัจจัยพื้นฐานของประเทศ ส่วนการที่นักลงทุนต่างประเทศจะยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์รอบข้างและทิศทางหุ้นต่างประเทศประกอบกัน
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ทางการเมืองนั้นทุกคนอยากให้มีการยุติการชุมนุม เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งจะทำให้นักลงทุนรวมทั้งนักธุรกิจกลับมามีความมั่นใจ และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยหากรัฐบาลและ ทางกลุ่มเสื้อแดงมีการเจรจากันเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่การเจรจากันได้ก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกัน และเป็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งหากเหตุการณ์กลับมาเรียบร้อยเป็นปกติ ก็จะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่เฉพาะตลาดหุ้นไทยเท่านั้น
“การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นนั้น อาจจะมีการปรับฐานบ้าง ซึ่งตลาดหุ้นไทยอิงกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่วนนักลงทุนต่างประเทศจะมีการซื้อสุทธิต่อหรือไม่นั้น ต้องดูปัจจัยรอบข้าง ส่วนหุ้นจะขึ้นหรือลงนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน เศรษฐกิจ และกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน” นางภัทรียา กล่าว
**“จรัมพร” ลุ้นนั่งเอ็มดีช่วงโค้งสุดท้าย**
ผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามในเรื่องผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่ หลังจาก นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีกล่าวว่า นายจรัมพร โชติกเสถียร ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการคนใหม่ นางภัทรียา กล่าวว่า ขณะนี้ในเรื่องการแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่นั้น ยังไม่เรียบร้อย ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการที่คณะกรรมการสรรหาฯจะต้องมีการทำงานต่อให้ครบถ้วน และหากมีการดำเนินการตามกระบวนการเสร็จจะมีการแถลงข่าวแต่งตั้งต่อไป โดยจะแต่งตั้งได้ทันในวันที่ 1 มิถุนายนนี้
ขณะเดียวกัน วานนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการเปิดโครงการ SET Junior Financial Club 2010" หรือ SET JFC 2010 ภายใต้แนวคิดแนวคิด “Fly Smart to?your Future: ติดปีกความรู้ด้านการออมอย่างชาญฉลาด สู่เป้าหมายในอนาคต” ซึ่งจะเปิดรับสมัตรนักเรียนมัธยมศึกษาตนต้นและตอนปลายจำ 4 ภาค 4 จังหวัด รวม 4 รุ่น รุ่นละ 100 คน เพื่อเข้าอบรมเรื่องการออกมการวางแผนชีวิตและการเงินในช่วงเดือนเดือนเมษายน ถึง เดือนพฤษภาคม จำนวน 400 คน
***เตือนระวังแรงเทขายต่างชาติ
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายวานนี้ (22 มี.ค.) ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากในช่วงเช้าปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสูงมากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค ที่ส่วนใหญ่ต่างปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป เป็นผลจากปัจจัยกดดันการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของกรีซ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกว่ามีการฟื้นตัวจริงหรือไม่
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ยังคงผันผวนเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยการเมืองที่ยังทรงๆ และสร้างความกังวลให้กับตลาดหุ้นไทย ซึ่งยังไม่มีประเด็นอะไรใหม่ แต่เรื่องที่น่ากังวล คือ ปัจจัยจากต่างประเทศทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของกรีซ และกังวล เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่ก่อนหน้านี้เข้าซื้อในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง หากยังซื้อต่อก็จะสร้างความเชื่อมั่นการลงทุนได้บ้าง แต่ก็ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ เช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยต้องรอดูตลาดหุ้นสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกาในคืนที่ผ่านมา และความวิตกกังวลเรื่องกรีซ จะมีปัจจัยใดเพิ่มเติมหรือไม่ แต่มองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนต่อเนื่องจากวันนี้ โดยให้กรอบลงทุนแนวรับที่ 760 จุด แนวต้าน 780 จุด