ทรูปลุกผีโทรศัพท์บ้านออกแคมเปญโทร.ครั้งละ 3 บาททุกเครือข่ายทุกระบบ 24 ชั่วโมง หวังกระตุ้นยอดการใช้งาน และได้ลูกค้าใหม่เพิ่ม หลังมีลูกค้า 30% ไม่มีการใช้งานทำให้รายได้ยังลดลงต่อเนื่องปีละ 10% ด้านทีโอทีตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
นายวสุ คุณวาสี ผู้จัดการทั่วไปด้าน Wire-line Voice Services บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันทรูมีผู้ใช้โทรศัพท์ทั้งหมด 1.9 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นโทรศัพท์บ้านส่วนบุคคลจำนวน 1.3 ล้านเลขหมาย และที่เหลืออีก 6 แสนเลขหมาย เป็นลูกค้าที่เป็นนิติบุคคลหรือลูกค้าในกลุ่มองค์กร แม้ในแง่จำนวนลูกค้าโทรศัพท์บ้านที่ผ่านมาจะยังไม่ปรับตัวลดลงมากนัก แต่ในแง่รายได้กลับปรับตัวลดลงต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10% โดยปีที่ผ่านมาทรูมีรายได้จากโทรศัพท์บ้านประมาณ 7,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากจำนวนรายได้ดังกล่าวประมาณ 50-60% มาจากกลุ่มลูกค้านิติบุคคล ส่วนลูกค้าบุคคลมีรายได้ไม่มากนัก เพราะผู้ใช้ตามบ้านไม่นิยมใช้งานเนื่องจากไม่สะดวกและราคาแพง โทรศัพท์บ้านกลุ่มบุคคลปัจจุบันมีรายได้ต่อเลขหมายต่อเดือน (ARPU) อยู่ที่ 200 บาท โดยคิดรวมค่ารักษาเลขหมาย 100 บาทเพราะปัจจุบันโทรศัพท์บ้านแทบจะไม่มีการใช้งาน โดยทรูพบว่ามีลูกค้าจำนวน 30% ของโทรศัพท์ส่วนบุคคลไม่มีการใช้งานและชำระเพียงค่ารักษาเลขหมาย 107 บาทต่อเดือน
“ที่ผ่านมา โทรศัพท์บ้านเคยทำรายได้ให้ทรูสูงสุดถึงปีละ 18,000 ล้านบาท และมีผู้ใช้บริการมากกว่า 2 ล้านเลขหมาย แต่ในแง่จำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์บ้านไม่ได้ปรับตัวลดลงมากนักเพราะลูกค้ามีโทรศัพท์บ้านเก็บไว้ในยามคับขันเพื่อความอุ่นใน ส่วนลูกค้าใหม่ที่สมัครเข้ามาเดือนละ 1 แสนเลขหมายกว่า 95% เป็นลูกค้าบรอดแบนด์แต่ขอเบอร์บ้านไปไว้โดยไม่มีการใช้งานมากนักแต่ในแง่รายได้กลับปรับตัวลดลงไปเป็นอย่างมาก”
ทรูจึงได้ออกแคมเปญใหม่ ด้วยค่าบริการแบบเหมาครั้งละ 3 บาท ทั้งโทร.หาโทรศัพท์บ้าน มือถือ และโทร.ทางไกลภายในประเทศ โดยแคมเปญนี้ออกมาเพื่อกระตุ้นยอดการใช้งานของลูกค้าบุคคล 1.3 ล้านเลขหมาย โดยเน้นไปในกลุ่มลูกค้าที่ไม่มีการใช้งานเลย 30 %ของจำนวนลูกค้าดังกล่าว และหวังว่า จะสามารถเพิ่มยอดลูกค้าใหม่ได้ด้วย เบื่องต้นแคมเปญนี้มีอายุใช้งานนาน 5 เดือน แต่หากมีผลตอบรับดีจะมีการขยายโปรโมชันออกไปอีก
เดิมค่าบริการโทรศัพท์บ้านมีอัตราที่แตกต่างกัน การโทร.หาโทรศัพทบ้านด้วยกันจะมีราคาถูกที่ครั้งละ 3 บาท ส่วนค่าโทร.เข้าเบอร์มือถือจะอยู่ที่นาทีละ 3-6 ขึ้นอยู่กับว่าเลขหมายนั้นเป็นเลขหมายในกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด ส่วนค่าบริการโทร.ทางไกลภายในประเทศคิดนาทีละ 1-9 บาทขึ้นอยู่กับพื้นที่ให้บริการ
ก่อนออกแคมเปญดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ทรูได้มีการทดลองเสนอแคมเปญให้ลูกค้าที่มาใช้บริการในช็อปทรูเป็นเวลา 10 วัน พบว่า มีลูกค้าสมัครโปรโมชันดังกล่าวถึง 50,000 เลขหมาย
นายสุจินต์ กดทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาทีโอที่มีการทำตลาดโทรศัพท์บ้านอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการละทิ้ง โดยจะมีการออกแคมเปญกระตุ้นตลาดปีละ 1-2 ครั้ง เมื่อพบว่า เริ่มมีการใช้งานโทรศัพท์บ้านในระดับต่ำ ล่าสุดทีโอทีได้ทำการตลาดบ้านด้วยการนำไปขายพ่วงกับบริการบรอดแบนด์ เช่น ให้ลูกค้าใช้โทรศัพท์บ้านฟรีตามจำนวนความเร็วบรอดแบนด์ที่ลูกค้าเลือก ส่วนโปรโมชันโทรศัพท์บ้านปัจจุบันอยู่ที่นาทีละ 0.25-1.50 บาท และขณะนี้ฝ่ายกลยุทธ์ของทีโอทีอยู่ระหว่างการวางแผนออกแคมเปญโทรศัพท์บ้านใหม่เร็วๆ นี้
“ลูกค้าโทรศัพท์บ้านที่ไม่มีการใช้งานหากทีโอทีมีมอนิเตอร์พบก็จะใช้วิถีโทร.หาลูกค้าเพื่อเสนอโปรโมชันที่เหมาะสมเป็นการกระตุ้นการใช้งาน การออกมาช่วยทำการตลาดของผู้ประกอบการนับเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะเป็นการสนับสนุนให้ลูกค้าหันมาใช้โทรศัพท์บ้านช่วยประหยัดรายได้”
ปัจจุบันทีโอทีมีรายได้จากโทรศัพท์บ้าน 12,000-13,000 ล้านบาท แต่มีแนวโน้มลดลงปีละ 10% แต่ทีโอทีก็พยายามรักษารายได้ดังกล่าวไม่ให้ปรับตัวลดลงมากนัก
นายวสุ คุณวาสี ผู้จัดการทั่วไปด้าน Wire-line Voice Services บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันทรูมีผู้ใช้โทรศัพท์ทั้งหมด 1.9 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นโทรศัพท์บ้านส่วนบุคคลจำนวน 1.3 ล้านเลขหมาย และที่เหลืออีก 6 แสนเลขหมาย เป็นลูกค้าที่เป็นนิติบุคคลหรือลูกค้าในกลุ่มองค์กร แม้ในแง่จำนวนลูกค้าโทรศัพท์บ้านที่ผ่านมาจะยังไม่ปรับตัวลดลงมากนัก แต่ในแง่รายได้กลับปรับตัวลดลงต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10% โดยปีที่ผ่านมาทรูมีรายได้จากโทรศัพท์บ้านประมาณ 7,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากจำนวนรายได้ดังกล่าวประมาณ 50-60% มาจากกลุ่มลูกค้านิติบุคคล ส่วนลูกค้าบุคคลมีรายได้ไม่มากนัก เพราะผู้ใช้ตามบ้านไม่นิยมใช้งานเนื่องจากไม่สะดวกและราคาแพง โทรศัพท์บ้านกลุ่มบุคคลปัจจุบันมีรายได้ต่อเลขหมายต่อเดือน (ARPU) อยู่ที่ 200 บาท โดยคิดรวมค่ารักษาเลขหมาย 100 บาทเพราะปัจจุบันโทรศัพท์บ้านแทบจะไม่มีการใช้งาน โดยทรูพบว่ามีลูกค้าจำนวน 30% ของโทรศัพท์ส่วนบุคคลไม่มีการใช้งานและชำระเพียงค่ารักษาเลขหมาย 107 บาทต่อเดือน
“ที่ผ่านมา โทรศัพท์บ้านเคยทำรายได้ให้ทรูสูงสุดถึงปีละ 18,000 ล้านบาท และมีผู้ใช้บริการมากกว่า 2 ล้านเลขหมาย แต่ในแง่จำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์บ้านไม่ได้ปรับตัวลดลงมากนักเพราะลูกค้ามีโทรศัพท์บ้านเก็บไว้ในยามคับขันเพื่อความอุ่นใน ส่วนลูกค้าใหม่ที่สมัครเข้ามาเดือนละ 1 แสนเลขหมายกว่า 95% เป็นลูกค้าบรอดแบนด์แต่ขอเบอร์บ้านไปไว้โดยไม่มีการใช้งานมากนักแต่ในแง่รายได้กลับปรับตัวลดลงไปเป็นอย่างมาก”
ทรูจึงได้ออกแคมเปญใหม่ ด้วยค่าบริการแบบเหมาครั้งละ 3 บาท ทั้งโทร.หาโทรศัพท์บ้าน มือถือ และโทร.ทางไกลภายในประเทศ โดยแคมเปญนี้ออกมาเพื่อกระตุ้นยอดการใช้งานของลูกค้าบุคคล 1.3 ล้านเลขหมาย โดยเน้นไปในกลุ่มลูกค้าที่ไม่มีการใช้งานเลย 30 %ของจำนวนลูกค้าดังกล่าว และหวังว่า จะสามารถเพิ่มยอดลูกค้าใหม่ได้ด้วย เบื่องต้นแคมเปญนี้มีอายุใช้งานนาน 5 เดือน แต่หากมีผลตอบรับดีจะมีการขยายโปรโมชันออกไปอีก
เดิมค่าบริการโทรศัพท์บ้านมีอัตราที่แตกต่างกัน การโทร.หาโทรศัพทบ้านด้วยกันจะมีราคาถูกที่ครั้งละ 3 บาท ส่วนค่าโทร.เข้าเบอร์มือถือจะอยู่ที่นาทีละ 3-6 ขึ้นอยู่กับว่าเลขหมายนั้นเป็นเลขหมายในกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด ส่วนค่าบริการโทร.ทางไกลภายในประเทศคิดนาทีละ 1-9 บาทขึ้นอยู่กับพื้นที่ให้บริการ
ก่อนออกแคมเปญดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ทรูได้มีการทดลองเสนอแคมเปญให้ลูกค้าที่มาใช้บริการในช็อปทรูเป็นเวลา 10 วัน พบว่า มีลูกค้าสมัครโปรโมชันดังกล่าวถึง 50,000 เลขหมาย
นายสุจินต์ กดทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาทีโอที่มีการทำตลาดโทรศัพท์บ้านอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการละทิ้ง โดยจะมีการออกแคมเปญกระตุ้นตลาดปีละ 1-2 ครั้ง เมื่อพบว่า เริ่มมีการใช้งานโทรศัพท์บ้านในระดับต่ำ ล่าสุดทีโอทีได้ทำการตลาดบ้านด้วยการนำไปขายพ่วงกับบริการบรอดแบนด์ เช่น ให้ลูกค้าใช้โทรศัพท์บ้านฟรีตามจำนวนความเร็วบรอดแบนด์ที่ลูกค้าเลือก ส่วนโปรโมชันโทรศัพท์บ้านปัจจุบันอยู่ที่นาทีละ 0.25-1.50 บาท และขณะนี้ฝ่ายกลยุทธ์ของทีโอทีอยู่ระหว่างการวางแผนออกแคมเปญโทรศัพท์บ้านใหม่เร็วๆ นี้
“ลูกค้าโทรศัพท์บ้านที่ไม่มีการใช้งานหากทีโอทีมีมอนิเตอร์พบก็จะใช้วิถีโทร.หาลูกค้าเพื่อเสนอโปรโมชันที่เหมาะสมเป็นการกระตุ้นการใช้งาน การออกมาช่วยทำการตลาดของผู้ประกอบการนับเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะเป็นการสนับสนุนให้ลูกค้าหันมาใช้โทรศัพท์บ้านช่วยประหยัดรายได้”
ปัจจุบันทีโอทีมีรายได้จากโทรศัพท์บ้าน 12,000-13,000 ล้านบาท แต่มีแนวโน้มลดลงปีละ 10% แต่ทีโอทีก็พยายามรักษารายได้ดังกล่าวไม่ให้ปรับตัวลดลงมากนัก
