ทรูออนไลน์ทุ่ม 2.5 พันล้าน ขยายเครือข่าย รุกหนักต่างจังหวัด หลังตลาดกรุงเทพฯเริ่มอิ่มตัว พร้อมให้บริการแบบอัลตราไฮสปีดอินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงถึง 100 เมกะบิต รองรับเว็บ 3.0 ตั้งเป้าลูกค้าเพิ่ม 3 แสนราย ส่วนรายได้ปีที่ผ่านมา 2.64 หมื่นล้านบาท
นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ ทรูออนไลน์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่าปีนี้ทรูออนไลน์มีแผนจะลงทุนอีก 2.5พันล้านบาท เพื่อขยายโครงข่ายเพิ่มพื้นที่ให้บริการครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศรองรับการขยายตัวของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบรอดแบนด์ได้ถึง 1.7 ล้านราย
พร้อมกันนี้ ยังจะหาบริการใหม่ๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าให้ใช้บริการในระยะยาว เพราะทรูออนไลน์มีเป้าหมายที่จะขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าระดับบน และลูกค้ากลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มการใช้งานด้านการรับส่งข้อมูลเพิ่มสูงขึ้น โดยจะให้บริการแบบอัลตรา ไฮสปีด อินเทอร์เน็ต ที่ระดับความเร็ว 30-100 เมกะบิต ในกลุ่มคอนซูเมอร์ รองรับเว็บ 3.0 แต่ตลาดตรงนี้ เชื่อว่า จะยังมีไม่มาก เพราะค่าบริการยังสูง แต่ปีหน้าคาดว่าจะเริ่มลดลง ส่วนเป้าหมายลูกค้าในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 3 แสนราย จากปีที่ผ่านมาที่มีฐานลูกค้าประมาณ 7 แสนราย
“ตลาดบรอดแบนด์กรุงเทพฯเริ่มอิ่มตัว เราจึงจะหนักในตลาดต่างจังหวัด”
ส่วนแนวโน้มของตลาดบรอดแบนด์ นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป Wire-line Broadband Services Business ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ตลาดบรอดแบนด์ที่มีการใช้งานผ่านหลายเทคโนโลยีในปี 52 ทั้งโลกมีผู้ใช้ประมาณ 800 ล้านราย เป็นผู้ใช้ฟิกซ์บรอดแบนด์ 50% และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 30% ต่อปี ส่วนเอเชียแปซิฟิกมีโอกาสโตถึง 33% เพราะผู้ใช้บริการยังมีไม่มาก
ส่วนประเทศไทยขณะนี้มีผู้เข้าถึงบรอดแบนด์แค่ 3% โอกาสที่จะโตถึง 3 เท่า หรือ 9% จึงมีสูง และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นถึง 33% ซึ่งจะทำให้อัตราการเข้าถึงบรอดแบนด์ต่อครัวเรือนมีโอกาสขยายเพิ่มถึง 2.8 ล้านครัวเรือน เนื่องจากบรอดแบนด์เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจยุคปัจจุบัน และเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนเมือง รวมทั้งเป็นความจำเป็นของประเทศที่จะต้องขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้เพิ่มมากขึ้น
ด้านผลการดำเนินงานของทรูออนไลน์ในรอบปี 52 ถือว่าประสบความสำเร็จแม้สภาวะเศรษฐกิจจะผันผวน ส่วนปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จมีหลายด้าน ทั้งการเติบโตของตลาดบรอดแบนด์โดยรวมอย่างต่อเนื่อง และการนำเสนอบริการใหม่ๆ จากกลุ่มธุรกิจทรูออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นบริการโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ บริการโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ และการลดค่าใช้จ่ายด้านสื่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปต่างประเทศ
รวมถึงการนำกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรูสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า ทำให้ทรูออนไลน์มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจรวมทุกบริการเป็นเงิน 2.64 หมื่นล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากบริการที่ไม่ใช่เสียงของธุรกิจบรอดแบนด์ ที่รวมบริการอินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์ วงจรรับส่งข้อมูลความเร็วสูงสำหรับลูกค้า และบริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ โดยมีรายได้รวม 8.8 พันล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยมากกว่า 11% ต่อปี
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการบรอดแบนด์ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ปัจจุบันทรูมีส่วนแบ่งตลาด 70% ทีโอที 22% แม็กเน็ต/3BB 6% ผู้ให้บริการอื่นๆ 2% ส่วนต่างจังหวัดทีโอที 38% ทรู 36% แม็กเน็ต/3BB 22% และผู้ให้บริการอื่นๆ 4%
นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ ทรูออนไลน์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่าปีนี้ทรูออนไลน์มีแผนจะลงทุนอีก 2.5พันล้านบาท เพื่อขยายโครงข่ายเพิ่มพื้นที่ให้บริการครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศรองรับการขยายตัวของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบรอดแบนด์ได้ถึง 1.7 ล้านราย
พร้อมกันนี้ ยังจะหาบริการใหม่ๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าให้ใช้บริการในระยะยาว เพราะทรูออนไลน์มีเป้าหมายที่จะขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าระดับบน และลูกค้ากลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มการใช้งานด้านการรับส่งข้อมูลเพิ่มสูงขึ้น โดยจะให้บริการแบบอัลตรา ไฮสปีด อินเทอร์เน็ต ที่ระดับความเร็ว 30-100 เมกะบิต ในกลุ่มคอนซูเมอร์ รองรับเว็บ 3.0 แต่ตลาดตรงนี้ เชื่อว่า จะยังมีไม่มาก เพราะค่าบริการยังสูง แต่ปีหน้าคาดว่าจะเริ่มลดลง ส่วนเป้าหมายลูกค้าในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 3 แสนราย จากปีที่ผ่านมาที่มีฐานลูกค้าประมาณ 7 แสนราย
“ตลาดบรอดแบนด์กรุงเทพฯเริ่มอิ่มตัว เราจึงจะหนักในตลาดต่างจังหวัด”
ส่วนแนวโน้มของตลาดบรอดแบนด์ นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป Wire-line Broadband Services Business ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ตลาดบรอดแบนด์ที่มีการใช้งานผ่านหลายเทคโนโลยีในปี 52 ทั้งโลกมีผู้ใช้ประมาณ 800 ล้านราย เป็นผู้ใช้ฟิกซ์บรอดแบนด์ 50% และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 30% ต่อปี ส่วนเอเชียแปซิฟิกมีโอกาสโตถึง 33% เพราะผู้ใช้บริการยังมีไม่มาก
ส่วนประเทศไทยขณะนี้มีผู้เข้าถึงบรอดแบนด์แค่ 3% โอกาสที่จะโตถึง 3 เท่า หรือ 9% จึงมีสูง และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นถึง 33% ซึ่งจะทำให้อัตราการเข้าถึงบรอดแบนด์ต่อครัวเรือนมีโอกาสขยายเพิ่มถึง 2.8 ล้านครัวเรือน เนื่องจากบรอดแบนด์เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจยุคปัจจุบัน และเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนเมือง รวมทั้งเป็นความจำเป็นของประเทศที่จะต้องขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้เพิ่มมากขึ้น
ด้านผลการดำเนินงานของทรูออนไลน์ในรอบปี 52 ถือว่าประสบความสำเร็จแม้สภาวะเศรษฐกิจจะผันผวน ส่วนปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จมีหลายด้าน ทั้งการเติบโตของตลาดบรอดแบนด์โดยรวมอย่างต่อเนื่อง และการนำเสนอบริการใหม่ๆ จากกลุ่มธุรกิจทรูออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นบริการโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ บริการโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ และการลดค่าใช้จ่ายด้านสื่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปต่างประเทศ
รวมถึงการนำกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรูสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า ทำให้ทรูออนไลน์มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจรวมทุกบริการเป็นเงิน 2.64 หมื่นล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากบริการที่ไม่ใช่เสียงของธุรกิจบรอดแบนด์ ที่รวมบริการอินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์ วงจรรับส่งข้อมูลความเร็วสูงสำหรับลูกค้า และบริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ โดยมีรายได้รวม 8.8 พันล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยมากกว่า 11% ต่อปี
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการบรอดแบนด์ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ปัจจุบันทรูมีส่วนแบ่งตลาด 70% ทีโอที 22% แม็กเน็ต/3BB 6% ผู้ให้บริการอื่นๆ 2% ส่วนต่างจังหวัดทีโอที 38% ทรู 36% แม็กเน็ต/3BB 22% และผู้ให้บริการอื่นๆ 4%
