เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ออฟฟิศเริ่มเดินหน้า “ออฟฟิศ ดีโป” เท 170 ล้านบาท ลงทุนเปิดอีก 2 สาขา เพิ่มคอลเซ็นเตอร์ และลุยการตลาดเต็มสูบ อัดเฮาส์แบรนด์เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า มั่นใจดันยอดขายสิ้นปีโตอีก 10% คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,080 ล้านบาท
นายสมชัย ถาวรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ออฟฟิซ คลับ (ไทย) จำกัด ผู้บริหารออฟฟิศ ดีโป ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์สำนักงานและเครื่องใช้สำนักงานครบวงจร เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตเพียง 4% คิดเป็นมูลค่าที่ 2,800 ล้านบาท ซึ่งปีก่อนถือว่ามีปัจจัยลบเข้ามาหลายเรื่อง ทั้งเศรษฐกิจโลก และเรื่องของการเมืองที่ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ โดยภาพรวมตลาดอุปกรณ์ สำนักงานและเครื่องใช้สำนักงานครบวงจรปีก่อนถือว่าทรงตัว
อย่างไรก็ตาม พบว่า ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2552 ที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณบวกที่ดีขึ้น โดยยอดขายแต่ละเดือนมีการเติบโตที่ 10% ทุกเดือน ส่งผลให้บริษัทวางแผนการดำเนินการในปีนี้ ที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,080 ล้านบาท เติบโตอีก 10% โดยเตรียมงบลงทุนรวมทั้งหมดกว่า 170 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 80 ล้านบาท สำหรับการขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา เป็นกรุงเทพฯ 1 สาขา และต่างจังหวัด 1 สาขา และรีโนเวตอีก 18 สาขา รวมแล้วสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีออฟฟิศ ดีโปทั้งหมด 33 สาขา
ต่อมาคือ งบอีก 30 ล้านบาท พัฒนาในส่วนของช่องทางขายใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของคอลเซนเตอร์ และเว็บไซต์ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เริ่มมีการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าวมากขึ้น โดยปีก่อนยอดขายจากในส่วนนี้อยู่ที่ 20% ของยอดขายรวมทั้งหมด บริษัทตั้งเป้าว่าหลังพัฒนาแล้ว ภายใน 2-3 ปีหลังจากนี้ ยอดขายจากช่องทางดังกล่าวจะเพิ่มเป็น 40% เทียบจากช่องทางขายรวมทั้งหมด
ขณะที่ในส่วนของงบประมาณการตลาด ได้วางไว้ที่ 60 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนเล็กน้อย โดยในปีนี้จะมีทั้งการทำซีอาร์เอ็ม กับการเปิดตัวบัตร ออฟฟิศดีโป เดอะวันการ์ด พร้อมทั้งมีการจัดโปรโมชันตลอดทุกเดือน รวมทั้งต้องมีการปรับตัวทั้งแบบภายในระบบ และผ่านหน้าร้าน โดยเฉพาะในช่วงเสื้อแดงที่กำลังประท้วง เชื่อว่าจะมีการปรับตัวรับมือค่อนข้างมาก ซึ่งยอดขายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาก็ยังดีอยู่
นอกจากนี้ ปีนี้ทางบริษัทยังเน้นปรับปรุงจัดพื้นที่การขายให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มสินค้าเฮ้าส์แบรนด์จากเดิม 2,500 รายการ เป็น 3,000 รายการ เฉลี่ยราคาถูกกว่า 3-10% เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าในราคาประหยัดด้วย โดยปีก่อนยอดขายของเฮ้าส์แบรนด์ คิดเป็นสัดส่วนที่ 15% ของยอดขายรวมทั้งหมด ปีนี้เชื่อว่าจะเพิ่มเป็น 18%
นายสมชัย กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมตลาดสำนักงานและเครื่องใช้สำนักงานครบวงจร คิดเฉพาะในช่องทางโมเดิร์นเทรดทั้งหมด ปีนี้เชื่อว่าจะมีมูลค่า 21,000 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท เชื่อว่าทั้งปีออฟฟิศ ดีโป จะเป็นผู้นำตลาดด้วย ส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 15% จากปีก่อนอยู่ที่ 14%
นายสมชัย ถาวรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ออฟฟิซ คลับ (ไทย) จำกัด ผู้บริหารออฟฟิศ ดีโป ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์สำนักงานและเครื่องใช้สำนักงานครบวงจร เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตเพียง 4% คิดเป็นมูลค่าที่ 2,800 ล้านบาท ซึ่งปีก่อนถือว่ามีปัจจัยลบเข้ามาหลายเรื่อง ทั้งเศรษฐกิจโลก และเรื่องของการเมืองที่ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ โดยภาพรวมตลาดอุปกรณ์ สำนักงานและเครื่องใช้สำนักงานครบวงจรปีก่อนถือว่าทรงตัว
อย่างไรก็ตาม พบว่า ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2552 ที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณบวกที่ดีขึ้น โดยยอดขายแต่ละเดือนมีการเติบโตที่ 10% ทุกเดือน ส่งผลให้บริษัทวางแผนการดำเนินการในปีนี้ ที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,080 ล้านบาท เติบโตอีก 10% โดยเตรียมงบลงทุนรวมทั้งหมดกว่า 170 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 80 ล้านบาท สำหรับการขยายสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา เป็นกรุงเทพฯ 1 สาขา และต่างจังหวัด 1 สาขา และรีโนเวตอีก 18 สาขา รวมแล้วสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีออฟฟิศ ดีโปทั้งหมด 33 สาขา
ต่อมาคือ งบอีก 30 ล้านบาท พัฒนาในส่วนของช่องทางขายใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของคอลเซนเตอร์ และเว็บไซต์ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เริ่มมีการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าวมากขึ้น โดยปีก่อนยอดขายจากในส่วนนี้อยู่ที่ 20% ของยอดขายรวมทั้งหมด บริษัทตั้งเป้าว่าหลังพัฒนาแล้ว ภายใน 2-3 ปีหลังจากนี้ ยอดขายจากช่องทางดังกล่าวจะเพิ่มเป็น 40% เทียบจากช่องทางขายรวมทั้งหมด
ขณะที่ในส่วนของงบประมาณการตลาด ได้วางไว้ที่ 60 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนเล็กน้อย โดยในปีนี้จะมีทั้งการทำซีอาร์เอ็ม กับการเปิดตัวบัตร ออฟฟิศดีโป เดอะวันการ์ด พร้อมทั้งมีการจัดโปรโมชันตลอดทุกเดือน รวมทั้งต้องมีการปรับตัวทั้งแบบภายในระบบ และผ่านหน้าร้าน โดยเฉพาะในช่วงเสื้อแดงที่กำลังประท้วง เชื่อว่าจะมีการปรับตัวรับมือค่อนข้างมาก ซึ่งยอดขายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาก็ยังดีอยู่
นอกจากนี้ ปีนี้ทางบริษัทยังเน้นปรับปรุงจัดพื้นที่การขายให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มสินค้าเฮ้าส์แบรนด์จากเดิม 2,500 รายการ เป็น 3,000 รายการ เฉลี่ยราคาถูกกว่า 3-10% เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าในราคาประหยัดด้วย โดยปีก่อนยอดขายของเฮ้าส์แบรนด์ คิดเป็นสัดส่วนที่ 15% ของยอดขายรวมทั้งหมด ปีนี้เชื่อว่าจะเพิ่มเป็น 18%
นายสมชัย กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมตลาดสำนักงานและเครื่องใช้สำนักงานครบวงจร คิดเฉพาะในช่องทางโมเดิร์นเทรดทั้งหมด ปีนี้เชื่อว่าจะมีมูลค่า 21,000 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท เชื่อว่าทั้งปีออฟฟิศ ดีโป จะเป็นผู้นำตลาดด้วย ส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 15% จากปีก่อนอยู่ที่ 14%