สุโข สปา ซุ่มสยายปีกลุยต่างประเทศ คาดเห็นที่จีนแห่งแรก ส่วนในไทยทุ่มงบ 80 ล้านบาท เดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง หลังพ้นวิกฤตในปีที่ผ่านมา มั่นใจรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แตะ 20 ล้านบาท
นายธัชพล เทพบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุโข สปา จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่วิกฤตที่สุดในการดำเนินธุรกิจตลอด 8 ปีที่ผ่านมา และถือว่าหนักสุดในรอบ20 ปีของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เนื่องจากมีปัจจัยลบรุมเร้าเข้ามาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปิดสนามบินภูเก็ต ตามมาด้วยการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อด้วยวิกฤตทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ส่งผลให้ในปี 2552 ยอดนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตหายไปกว่า 50% จากปกติอยู่ที่ 5 ล้านคนต่อปี
สำหรับสุโข สปา นั้น ถึงแม้จะเป็นสปาที่ติดมาตรฐานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้นในปีก่อนทางบริษัทฯจึงได้มีการปรับตัวรองรับสถานการณ์ดังกล่าวตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางใหม่ๆในการดึงนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการสปาให้มากขึ้น ทั้งแบบเดินเข้าติดต่อโดยตรง หรือแนะนำผ่านกรุ๊ปทัวร์ มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่สื่อสารไปยังนักท่องเที่ยวมากขึ้น
อีกทั้งจากเดิมที่เน้นนักท่องเที่ยวในโซนเอเชียเป็นหลัก ก็ได้ขยายกลุ่มไปยังฝั่งยุโรปให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทั้งปียังมีลูกค้านักท่องเที่ยวหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการได้ตลอดเวลา ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา สุโข สปา ยังมีรายได้เป็นไปในทิศทางที่ดีอยู่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท จากทั้งหมด 4 สาขา
ส่วนในปีนี้ทางบริษัทยังพร้อมเดินหน้าพัฒนาพื้นที่สุโข สปา(ภูเก็ต)ให้ดียิ่งขึ้น กับ งบลงทุนอีกราว 80 ล้านบาท ในการเพิ่มโปรแกรม นวดสปาแบบต่างๆ รวมถึงการตกแต่งอาคารเพิ่มเติม เพื่อใช้ในส่วนของโปรแกรมเวิร์คชอปต่างๆ เชื่อว่าจากโปรแกรมการให้บริการใหม่ๆ รวมถึงสถานการณ์นักท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว ที่คาดการณ์กันว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวมายังจังหวัดภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 5.5 ล้านคนนั้น จะส่งผลให้สิ้นปีนี้ สุโข สปา จะมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในปีนี้ทางบริษัทมีแผนที่จะเข้าไปร่วมทุนในต่างประเทศในการดำเนินธุรกิจสปาด้วย เช่น ศรีลังกา และจีน โดยในจีนนั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจากับทางกลุ่มนักธุรกิจเกี่ยวกับร้านทำผมชั้นนำอยู่ คาดว่าภายในปีนี้น่าจะได้เห็นความคืบหน้า
นายธัชพล กล่าวต่อว่า นอกจากสุโข สปาแล้ว บริษัทยังมีธุรกิจการบริหารจัดการสปาให้กับโรงแรมในเครือคอร์ทยาร์ด และที่อื่นๆ อีก 2 แบรนด์ด้วย คือ ไทยจักรา สปา และไอยรา สปา โดยในส่วนของไทยจักรา สปานั้น ถือเป็นสปาในระดับ 3 ดาว ปัจจุบันเปิดให้บริการ 10-12 สาขา ส่วนไอยรา สปานั้น เป็นสปาระดับ 5 ดาว ปัจจุบันเปิดให้บริการ 4 แห่ง
ทั้งนี้เมื่อรวมกับสุโข สปา แล้ว ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนสปาคิดเป็นสาขาทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 20 สาขา โดยยังคงเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ โดยดูจากความเหมาะสมเป็นหลัก
นายธัชพล เทพบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุโข สปา จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่วิกฤตที่สุดในการดำเนินธุรกิจตลอด 8 ปีที่ผ่านมา และถือว่าหนักสุดในรอบ20 ปีของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เนื่องจากมีปัจจัยลบรุมเร้าเข้ามาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปิดสนามบินภูเก็ต ตามมาด้วยการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อด้วยวิกฤตทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ส่งผลให้ในปี 2552 ยอดนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตหายไปกว่า 50% จากปกติอยู่ที่ 5 ล้านคนต่อปี
สำหรับสุโข สปา นั้น ถึงแม้จะเป็นสปาที่ติดมาตรฐานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้นในปีก่อนทางบริษัทฯจึงได้มีการปรับตัวรองรับสถานการณ์ดังกล่าวตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางใหม่ๆในการดึงนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการสปาให้มากขึ้น ทั้งแบบเดินเข้าติดต่อโดยตรง หรือแนะนำผ่านกรุ๊ปทัวร์ มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่สื่อสารไปยังนักท่องเที่ยวมากขึ้น
อีกทั้งจากเดิมที่เน้นนักท่องเที่ยวในโซนเอเชียเป็นหลัก ก็ได้ขยายกลุ่มไปยังฝั่งยุโรปให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทั้งปียังมีลูกค้านักท่องเที่ยวหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการได้ตลอดเวลา ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา สุโข สปา ยังมีรายได้เป็นไปในทิศทางที่ดีอยู่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท จากทั้งหมด 4 สาขา
ส่วนในปีนี้ทางบริษัทยังพร้อมเดินหน้าพัฒนาพื้นที่สุโข สปา(ภูเก็ต)ให้ดียิ่งขึ้น กับ งบลงทุนอีกราว 80 ล้านบาท ในการเพิ่มโปรแกรม นวดสปาแบบต่างๆ รวมถึงการตกแต่งอาคารเพิ่มเติม เพื่อใช้ในส่วนของโปรแกรมเวิร์คชอปต่างๆ เชื่อว่าจากโปรแกรมการให้บริการใหม่ๆ รวมถึงสถานการณ์นักท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว ที่คาดการณ์กันว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวมายังจังหวัดภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 5.5 ล้านคนนั้น จะส่งผลให้สิ้นปีนี้ สุโข สปา จะมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในปีนี้ทางบริษัทมีแผนที่จะเข้าไปร่วมทุนในต่างประเทศในการดำเนินธุรกิจสปาด้วย เช่น ศรีลังกา และจีน โดยในจีนนั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจากับทางกลุ่มนักธุรกิจเกี่ยวกับร้านทำผมชั้นนำอยู่ คาดว่าภายในปีนี้น่าจะได้เห็นความคืบหน้า
นายธัชพล กล่าวต่อว่า นอกจากสุโข สปาแล้ว บริษัทยังมีธุรกิจการบริหารจัดการสปาให้กับโรงแรมในเครือคอร์ทยาร์ด และที่อื่นๆ อีก 2 แบรนด์ด้วย คือ ไทยจักรา สปา และไอยรา สปา โดยในส่วนของไทยจักรา สปานั้น ถือเป็นสปาในระดับ 3 ดาว ปัจจุบันเปิดให้บริการ 10-12 สาขา ส่วนไอยรา สปานั้น เป็นสปาระดับ 5 ดาว ปัจจุบันเปิดให้บริการ 4 แห่ง
ทั้งนี้เมื่อรวมกับสุโข สปา แล้ว ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนสปาคิดเป็นสาขาทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 20 สาขา โดยยังคงเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ โดยดูจากความเหมาะสมเป็นหลัก