ซัมซุงเดินหน้าลุยแอร์คอมเมอร์เชียล อัดเข้าโครงการทั้งภาครัฐเอกชน หวังโต 3 เท่าตัว จาก 120,000 ยูนิต เผย3 ปี งบไทยเข้มแข็งหนุนตลาดแอร์โตกระฉูด
นายสิทธิศักดิ์ ผาณิตพจมาน ผู้จัดการอาวุโสเครื่องปรับอากาศฝ่ายคอมเมอร์เชียล บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อซัมซุง เปิดเผยว่า ภาพรวมการทำตลาดเครื่องปรับอากาศที่จำหน่ายในเชิงพานิชย์หรือเข้าโครงการภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ค่าดว่า จะมีการขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีการผลักดันงบประมาณจำนวนมากผ่านนโครงการไทยเข้มแข็งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้มีการก่อสร้างโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทวางแผนจะรุกจำหน่ายเครื่องปรับอากาศเข้าไปเจาะตลาดที่อยู่อาศัยผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งโครงการก่อสร้างต่างๆ ของภาครัฐและเอกชนมากขึ้นด้วย
“ตลาดในประเทศไทยมีความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ที่รัฐบาลมีการพัฒนาโครงการต่างๆผ่านงบไทยเข้มแข็ง ซึ่งเป็นโอกาสในการทำตลาดเครื่องปรับอากาศของบริษัทที่จะเจาะเข้าไปหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น และถือเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างมาก ประกอบกับซัมซุงมีนวัตกรรมใหม่ของเครื่องปรับอากาศที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคมากขึ้น”
ทั้งนี้ ภาพรวมการจำหน่ายเครื่องปรับอากาศเข้าโครงการในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา ถือว่าเติบโตสูงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาคเอกชนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีการก่อสร้างที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราการขยายตัวของบ้านเดี่ยวจะลดลงก็ตาม ประกอบกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ โรงพยาบาลก็มีการปรับเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศมากขึ้น ทำให้บริษัทได้งานโครงการในส่วนนี้เข้ามาก ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าว ถือว่าสะท้อนความเชื่อมั่นด้านการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชนได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนยอดขายภาคเอกชนสูงกว่าภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้จะมีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดเครื่องปรับอากาศในเชิงพานิชย์แต่อย่างใด ในทางกลับกันตลาดกลับมีการขยายตัวสูงมากขึ้น เพราะภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากแนวทางธุรกิจดังกล่าว บริษัทตั้งเป้าหมายอดขายในปี 2553 เติบโตขึ้น 2-3 เท่าตัว จากปี 2552 ที่มียอดขายเครื่องปรับอากาศเจาะลูกค้าโครงการราว 120,000 ยูนิต เติบโต 30% จากปี 2551 ส่วนภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในปี 2553 คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตกว่าปี 2552 อย่างมาก ทั้งในส่วนของตลาดเคื่องปรับอากาศในเชิงพาณิชย์และตลาดเครื่องปรับอากาศสำหรับผู้บริโภคโดยตรง โดยมีปัจจัยหนุนตลาดให้ขยายตัวได้จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และมีแนวโน้มจะร้อนยาวนานขึ้น
นายสิทธิศักดิ์ ผาณิตพจมาน ผู้จัดการอาวุโสเครื่องปรับอากาศฝ่ายคอมเมอร์เชียล บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อซัมซุง เปิดเผยว่า ภาพรวมการทำตลาดเครื่องปรับอากาศที่จำหน่ายในเชิงพานิชย์หรือเข้าโครงการภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ค่าดว่า จะมีการขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีการผลักดันงบประมาณจำนวนมากผ่านนโครงการไทยเข้มแข็งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้มีการก่อสร้างโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทวางแผนจะรุกจำหน่ายเครื่องปรับอากาศเข้าไปเจาะตลาดที่อยู่อาศัยผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งโครงการก่อสร้างต่างๆ ของภาครัฐและเอกชนมากขึ้นด้วย
“ตลาดในประเทศไทยมีความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ที่รัฐบาลมีการพัฒนาโครงการต่างๆผ่านงบไทยเข้มแข็ง ซึ่งเป็นโอกาสในการทำตลาดเครื่องปรับอากาศของบริษัทที่จะเจาะเข้าไปหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น และถือเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างมาก ประกอบกับซัมซุงมีนวัตกรรมใหม่ของเครื่องปรับอากาศที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคมากขึ้น”
ทั้งนี้ ภาพรวมการจำหน่ายเครื่องปรับอากาศเข้าโครงการในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา ถือว่าเติบโตสูงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาคเอกชนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีการก่อสร้างที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราการขยายตัวของบ้านเดี่ยวจะลดลงก็ตาม ประกอบกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ โรงพยาบาลก็มีการปรับเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศมากขึ้น ทำให้บริษัทได้งานโครงการในส่วนนี้เข้ามาก ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าว ถือว่าสะท้อนความเชื่อมั่นด้านการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชนได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนยอดขายภาคเอกชนสูงกว่าภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้จะมีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดเครื่องปรับอากาศในเชิงพานิชย์แต่อย่างใด ในทางกลับกันตลาดกลับมีการขยายตัวสูงมากขึ้น เพราะภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากแนวทางธุรกิจดังกล่าว บริษัทตั้งเป้าหมายอดขายในปี 2553 เติบโตขึ้น 2-3 เท่าตัว จากปี 2552 ที่มียอดขายเครื่องปรับอากาศเจาะลูกค้าโครงการราว 120,000 ยูนิต เติบโต 30% จากปี 2551 ส่วนภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในปี 2553 คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตกว่าปี 2552 อย่างมาก ทั้งในส่วนของตลาดเคื่องปรับอากาศในเชิงพาณิชย์และตลาดเครื่องปรับอากาศสำหรับผู้บริโภคโดยตรง โดยมีปัจจัยหนุนตลาดให้ขยายตัวได้จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และมีแนวโน้มจะร้อนยาวนานขึ้น
